หลวงตาวัย 67 ปี วัดดังสุรินทร์มรณภาพคากุฏิ เซ่นลมหนาว

ประเด็น – หลวงตาวัย 67 ปี วัดดังเมืองสุรินทร์ มรณภาพคากุฏิเซ่นลมหนาว หลังจากในพื้นที่มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาหลายวัน

เมื่อวานนี้ (วันที่ 21 ธ.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ธีรวุฒิ ศรีสอน รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งว่ามีพระนอนมรณภาพอยู่ภายในกุฏิวัด ที่วัดเหนือ ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ประจำเมืองรัตนบุรี จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดรัตนบุรี

โดยที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นกุฏิวัดชื่อกุฏิธรรมจักษุสามัคคี อยู่ภายในวัดเหนือติดกับกำแพงวัดด้านหน้า โดยที่บริเวณชั้น 2 ของกุฏิ ภายในห้องเลขที่ 6 ก็ได้พบศพพระ นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงในลักษณะนอนตะแคงซ้าย และที่ตามร่างกายไม่มีบาดแผลใดๆ ทราบชื่อต่อมาคือ พระสุนทร ธิตปญโญ (พูลสวัสดิ์)อายุ 67 ปี ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งมี ด.ต.เสถียร โมทะจิตร เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่ สภ.ดอนแรด อ.รัตนบุรี ซึ่งเป็นบุตรเขยของพระสุนทรที่เสียชีวิต ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ใดๆ

โดย ด.ต.เสถียร บุตรเขยผู้เสียชีวิตได้ให้การว่า เมื่อเช้าเวลาประมาณ 6 โมงเศษ ตนได้มาเคาะประตูเรียกพระสุนทรให้ตื่นขึ้นไปบิณฑบาต ซึ่งตนและภรรยาซึ่งเป็นลูกสาว จะผลัดกันมาเรียกเป็นประจำทุกวัน เพราะบ้านอยู่ใกล้ๆวัด และเนื่องจากพระสุนทรพ่อตามีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจรั่ว จึงต้องคอยมาดูแลอยู่เป็นประจำ แต่ปรากฏว่าในเช้าวันนี้กลับเงียบไม่มีเสียงตอบรับ ตนจึงได้กลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมที่จะไปทำงาน จากนั้นก็ได้กลับมาเคาะประตูเรียกอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบออกมาจากภายในห้องอีก ตนจึงได้ตัดสินใจใช้เหล็กงัดประตูห้องเพื่อที่จะเข้าไปดู ซึ่งก็ปรากฏว่าพระสุนทรพ่อตา ได้นอนเสียชีวิตยู่บนเตียงนอนไปก่อนหน้านี้แล้ว  จึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ร้อยเวรฯ สภ.รัตนบุรี ให้มาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

ภายหลังจากสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ และตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุ ไม่พบหลักฐานอื่นใด จึงสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตซึ่งมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ประกอบกับช่วงนี้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็น อาจทำให้ผู้เสียชีวิตปรับสภาพร่างกายไม่ทัน จึงเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ติดใจในสาเหตุอื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป