หวั่นมลพิษทางอากาศกระทบเอเชียนเกมส์ที่อินโดฯ

อินโดนีเซียยังหาทางแก้ไขมลพิษทางอากาศที่เข้าขั้น “เป็นอันตรายต่อสุขภาพ” ไม่ได้แม้จะเหลืออีกไม่ถึงเดือนเอเชียนเกมส์ก็จะเริ่ม

เหลืออีกไม่ถึงเดือน เอเชียนเกมส์ก็จะเปิดฉากขึ้นที่อินโดนีเซีย (18 ส.ค. – 2 ก.ย.) และในฐานะเจ้าภาพ อินโดนีเซียกำลังเตรียมพร้อมเต็มที่เพื่อต้อนรับทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เกือบ 17,000 คนรวมถึงคนที่จะไปเชียร์การแข่งขันอีกกว่า 100,000 คน อะไรหลายอย่างดูจะพร้อมยกเว้นแต่…อากาศทั้งในกรุงจาการ์ตาและเมืองปาเล็มบังในสุมาตราใต้ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน

สาเหตุหลักของปัญหาคุณภาพอากาศในจาการ์ตาคือเรื่องรถติดซึ่งติดอันดับเลวร้ายที่สุดในโลก ส่วนที่ปาเล็มบังคือไฟป่าที่เกิดขึ้นใกล้สถานที่จัดการแข่งขันเวลานี้ กำลังมีการพิจารณาใช้สารพัดวิธีเพื่อทำให้สภาพอากาศในจาการ์ตาดีขึ้น เช่น การจำกัดปริมาณรถบนท้องถนนด้วยการใช้ป้ายทะเบียนเลขคู่เลขคี่รวมถึงการสร้างสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกับที่จีนเคยทำตอนที่กรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเมื่อปี 2551

“คุณภาพอากาศยังอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้แม้จะใช้นโยบายจำกัดปริมาณรถด้วยป้ายทะเบียนเลขคู่เลขคี่” Budi Haryanto จากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ยังกล่าวถึงค่าเฉลี่ยของดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในกรุงจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่ายังสูงเกิน 100 โดยช่วงก่อนเที่ยงของวันอังคารที่ 17 สิงหาคม วัดได้ 170 การที่ดัชนีสูงเกิน 100 แสดงว่ามลพิษในอากาศเกินมาตรฐานความปลอดภัยและมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ คุณ Haryanto ชี้ว่าดัชนีคุณภาพอากาศที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 50 “เพื่อให้นักกีฬาดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้มากที่สุดระหว่างการแข่งขัน”

ส่วนที่เมืองปาเล็มบัง อีกหนึ่งสถานที่จัดการแข่งขัน แม้อากาศโดยทั่วไปจะมีคุณภาพดีกว่าในกรุงจาการ์ตา แต่ก็ได้รับผลกระทบจากไฟป่าและการเผาฟางซึ่งทำให้เกิดควันหนาทึบ

ทางการอินโดนีเซียวางแผนแก้ปัญหาด้วยการทำฝนเทียมซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลเมื่อปี 2554 ตอนที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ที่ปาเล็มบัง แต่ Sutopo Purwo Nugroho โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติเกรงว่าความสำเร็จของวิธีนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันความสำเร็จได้

ที่มา Indonesia fights air pollution ahead of Asian Games

อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว   
ยูทูบ: workpoint news   
ทวิตเตอร์: workpoint news   
อินสตาแกรม: workpointnews