
สี จิ้นผิง กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะพบกันในปักกิ่งเมื่อปี 2017 / AFP
“โลกธุรกิจเกลียดความไม่แน่นอน ถ้าคุณไม่แน่ใจ คุณก็ไม่กล้าลงทุน ถ้าคุณไม่แน่ใจ คุณจะไม่จ้างคน หลายบริษัทไม่รู้ว่าสงครามการค้าครั้งนี้จะขยายวงแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยยังไง”
ตัวเลข GDP ไตรมาสสองที่จีนเพิ่งประกาศออกมาอยู่ที่ร้อยละ 6.7 ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2559 และเป็นไปความคาดหมายหลังสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 25% มูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์เพื่อลดการขาดดุลการค้า ขณะที่จีนเองก็ตอบโต้แบบหมัดต่อหมัดด้วยการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน
หลายฝ่ายกำลังหวั่นกรงว่าสงครามการค้าระหว่างสองชาติจะดุเดือดขึ้นเพราะสหรัฐฯ เล็งจะขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก 16,000 ล้านดอลลาร์หรืออาจถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ตามคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
Morgan Stanley วาณิชธนกิจสหรัฐชี้ว่าถ้าสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นกำแพงภาษีจนถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ อาจฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลงถึงร้อยละ 0.3 แน่นอนว่าจีนจะไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่งและต้องพยายามทุกทางเพื่อพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจของตัวเองไว้
ก่อนหน้านี้ บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ People’s Daily ของจีนระบุว่าความคิดแบบฝ่ายชนะกินเรียบของสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ทำลายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองชาติแต่ยังทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น
Jacob Parker จากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีนพูดผลกระทบจากความไม่แน่นอนนี้ว่า “โลกธุรกิจเกลียดความไม่แน่นอน ถ้าคุณไม่แน่ใจ คุณก็ไม่กล้าลงทุน ถ้าคุณไม่แน่ใจ คุณจะไม่จ้างคน หลายบริษัทไม่รู้ว่าสงครามการค้าครั้งนี้จะขยายวงแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยยังไง”
Louis Kuijs จากบริษัทคาดการณ์เศรษฐกิจ Oxford Economics ในฮ่องกงเตือนว่า “ถ้าสหรัฐกับจีนไม่หันหน้าคุยกันภายในเดือนสองเดือนนี้ ความขัดแย้งจะรุนแรงขึ้นและผลกระทบจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่สองชาติแต่จะกระทบไปทั่วโลก” เช่นเดียวกับ Kevin Tynan นักวิเคราะห์จาก Bloomber Intelligence ซึ่งระบุว่า “จะมีจุดที่ทุกชาติจะบอกว่า ‘เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องนั่งลงหาข้อตกลงกัน’ แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดที่ว่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่”
เมื่อปีที่แล้ว จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 130,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งไม่ถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าที่สหรัฐนำเข้าจากจีน หมายความว่าในสงครามการค้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันครั้งนี้ จีนอาจตอบโต้ด้วยมาตรการอื่นนอกเหนือจากภาษี นักวิเคราะห์คาดว่าอาวุธใหญ่สุดที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะใช้เล่นงานสหรัฐฯ ได้คือการบอยคอตแบรนด์สหรัฐฯ ไม่ใช่โดยรัฐบาลหากแต่โดยผู้บริโภคชาวจีน
ที่มา Trump’s Trade War Has Its First Victims in the U.S. and China. China’s Economy Is Slowing as the Trade War Takes Off, and Investors Are Worried
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews