หวิดดับ ! กระบะเสียหลักชนเสาไฟฟ้า ไฟลุกท่วมทั้งคัน

ประเด็นคือ – ฝนตกถนนลื่นทำรถยนต์กระบะเสียหลักชนเสาไฟฟ้าหักโคน ก่อนเกิดไฟลุกท่วมทั้งคัน เคราะห์ดีช่วยเหลือคนขับและผู้โดยสารออกมาได้ก่อน

วันที่ 2 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. ร.ต.อ.รณภูมิ เพิ่มพูน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะชนเสาไฟฟ้าและเกิดเพลิงลุกไหม้ บนถนนเทพกระษัตรีฝั่งขาเข้าเมืองภูเก็ต บริเวณใกล้ร้านเกียรติศักดิ์ท่อพัก ตรงข้ามโรงน้ำแข็งเกาะแก้ว ม.4 ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต หลังรับแจ้งได้ประสาน รถดับเพลิง อบต.เกาะแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตเข้าสนับสนุน ก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมด้วย นายเกื้อเกียรติ จิตต์เกื้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้าไฮลักวีโก้ ตอนครึ่ง สีดำ ป้ายทะเบียน บน 17 ภูเก็ต ตะแคงอัดติดกับเสาไฟฟ้าจนตัวรถพังเสียหายยับเยิน ใกล้กันพบเสาไฟฟ้าหักโค่น 1 ต้น และอีก 1 ต้น มีร่องรอยเฉี่ยวชน ตรวจสอบด้านข้างตัวรถพบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อภายหลัง คือ นายปกิตต์ หนูเศรษฐ์ อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่จึงรีบทำการช่วยเหลือ พร้อมนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา ส่วนอีก 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่นั่งโดยสารมาด้วยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าทำการช่วยเหลืออยู่นั้น ได้เกิดเปลวไฟลุกไหม้จากห้องเครื่องรถคันเกิดเหตุ และลุกลามไปติดสายไฟฟ้าและสายสื่อสารที่ห้อยอยู่บนเสา เจ้าหน้าที่ได้ใช้ถังดับเพลิงเข้าฉีดสกัดหลายครั้งแต่ไฟยังลุกขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สามารถใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำสกัดได้ เพราะมีกระแสไฟฟ้าจึงต้องรอให้ตัดกระแสไฟฟ้าก่อน สุดท้ายไฟลุกไหม้ทั้งคัน และมีเสียงระเบิดดังเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงได้กั้นพื้นที่ไว้ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการตัดกระแสไฟ จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้นำรถดับเพลิงเข้าฉีดน้ำสกัด ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เปลวไฟจึงสงบลง และตรวจสอบพบว่าตัวรถได้รับความเสียหายทั้งคัน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก และรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับมาจากฝั่งอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทรมาตามถนนเทพกระษัตรีมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองภูเก็ต และเมื่อถึงจุดเกิดเหตุรถได้เกิดเสียหลักพุ่งไปชนเสาไฟฟ้า 1 ต้น จนหักโค่น ก่อนหมุนไปชนและอัดติดกับเสาไฟฟ้าอีกต้น จนได้รับความเสียหาย โดยทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนอีกครั้ง