ประเด็นคือ- โจรหักเหลี่ยมโจร หนุ่มสุไหงโก-ลก เจาะฝ้าเพดาน โรยตัวลงร้านขายโทรศัพท์ชื่อดังกลางเมือง ก่อนกวาดกลี้ยงตู้ 100 กว่าเครื่อง พร้อมเงินสดครึ่งแสน สารภาพหลอกเพื่อนในแก๊งว่าขโมยมาได้แค่ 9,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.ย. 60) พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส.,พ.ต.ต.วันชัย สุวรรณรัตน์ สว.สส.,พ.ต.ท.จริญ ขาวเอี่ยว สว.(สอบสวน) และกำลังตำรวจชุดสืบสวน ควบคุมตัวนายอิสมาแอ หรือหมัด ฮามะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/2 ถ.โต๊ะลือแบ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาร่วมกับพวกที่ยังหลบหนี ก่อเหตุขโมยทรัพย์โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 103 เครื่อง จากร้านเทเลวิซ สาขาหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันโอเชี่ยน ริม ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านดังกล่าว ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านที่มุงดูเป็นจำนวนมาก การทำแผนเริ่มชี้จุดบริเวณชั้น 2 คนร้ายเจาะฝ้าเพดาน แล้วปีนขึ้นไปบนระเบียงชั้น 3 งัดประตูเหล็กดัด เจาะฝ้าเพดาน ปีนลงมาชั้น 2 ของร้าน ก่อนงัดตู้เก็บโทรศัพท์มือถือบริเวณชั้น 2 และลงมาที่ชั้นล่าง ขโมยโทรศัพท์ที่วางโชว์ในตู้ เป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงรุ่นต่างๆ จำนวน 103 เครื่อง มูลค่ากว่า 100,000 บาท แล้วงัดตู้เก็บเงินขโมยเงินสดจำนวน 50,000 บาท ก่อนรวบรวมโทรศัพท์มือถือใส่ถุง ปีนหนีออกมา แล้วเรียกรถแท็กซี่มารับหลบหนีไป
นายอิสมาแอ หรือหมัด ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังจากร่วมกับนายสุธา หรือแจ๊ค อำพันทอง อายุ 22 ปี เพื่อนร่วมแก๊งที่ยังหลบหนี ขโมยโทรศัพท์จำนวน103 เครื่องได้แล้ว ก็นำโทรศัพท์มือถือที่ขโมยมาทั้งหมดใส่กล่องแพ็กอย่างดี แล้วนำโทรศัพท์ไปฝากรถทัวร์ส่งปลายทาง กทม. จากนั้นนายอิสมาแอ หรือ หมัดก็นั่งเครื่องบินไป กทม.ไปรับโทรศัพท์มือถือทั้งหมด ที่บริษัทรถทัวร์ ที่สถานีขนส่ง กทม. ก่อนนำไปขายที่ร้านขายโทรศัพท์ในห้างแห่งหนึ่งใน กทม.ราคาเครื่องละ 3,000 บาท ได้เงินมาจำนวน 5 หมื่นกว่าบาท แล้วมาแบ่งกับเพื่อนร่วมแก๊ง ก่อนแยกย้ายหลบหนี แต่ตำรวจจับกุมนายอิสมาแอ หรือหมัดได้ที่ห้างแห่งหนึ่งใน กทม.ก่อนคุมตัวมาดำเนินคดี
พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เผยว่า จากการสอบประวัติ นายอิสมาแอ หรือหมัด ผู้ต้องหารายนี้เคยมีประวัติก่อเหตุงัดร้านโทรศัพท์มือถือมาแล้วหลายครั้งในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะร้านขายโทรศัพท์มือถือใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทุกครั้งสามารถหลบหนีไปได้ ไม่เคยถูกจับกุม และหลังจากลักโทรศัพท์มือถือแล้ว ก็จะใช้วิธีส่งโทรศัพท์มือถือทางรถทัวร์ไปยัง กทม. ก่อนนั่งเครื่องบินไปรับโทรศัพท์มือถือที่บริษัทรถทัวร์ใน กทม.ด้วยตนเอง แล้วนำไปโทรศัพท์ไปขายที่ร้านขายโทรศัพท์แห่งหนึ่งในราคาเครื่องละ 3,000 บาท ก่อนนำเงินมาแบ่งกัน
ซึ่งทางชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานก่อนออกหมายจับนายอิสมาแอ และจับกุมตัวได้ ส่วนนายสุธา หรือแจ๊ค เพื่อนร่วมแก๊งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เผยว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจจะนำโทรศัพท์ที่ขโมยไปใช้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นของตำรวจยังไม่พบว่ามีการนำไปใช้ก่อเหตุดังกล่าว แต่ทางตำรวจจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายอิสมาแอ หรือหมัด ฮามะ ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับนายสุธา หรือแจ๊ค อำพันทอง ก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งจะแบ่งเงินเท่ากัน แล้วแยกย้ายหลบหนี ครั้งนี้ตนขโมยเงินสดที่ร้านโทรศัพท์ดังกล่าวมาจำนวน 50,000 บาท แต่นายอิสมาแอ หรือหมัด ไม่รู้ ตนจึงฉวยโอกาสโกงโดยแบ่งเงินให้เพียง 5,000 บาท อ้างกับเพื่อนร่วมแก๊งว่า ขโมยเงินสดมาได้เพียง 9,000 บาท