หัวหน้าคสช. สั่งย้าย “บิ๊กโจ๊ก” เข้ากรุสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

วันที่ 9 เม.ย. มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เป็น “ข้าราชการพลเรือน” สังกัดสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 2/2562 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ระบุให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักหาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อยู่ในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 16/2558 ตามความในข้อ 5 ของคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 16/2558

ให้ข้าราชการตำรวจ (พล.ต.ท.สุรเชษฐ์) ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) ให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง โดยคำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

นี่เป็นภาพของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ภายในศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มีคำสั่งโยกย้ายจากตำแหน่ง ผบช.สตม. เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา และ ช่องทางการสื่อสารต่างๆ ทางโซเชียลของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปิดลงก่อนที่หัวหน้าคสช. จะมีคำสั่งโอนย้ายให้ไปเป็นข้าราชการพลเรือนในวันนี้

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะกำกับดูแล สตม. ปฏิเสธข่าวเป็นประธานสอบสวนกรณีของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ โดยระบุว่า ผบ.ตร.ยังไม่ได้มอบหมายหรือสั่งการอะไร

ย้อนเส้นทางโดยสรุปของ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล”

“บิ๊กโจ๊ก” เป็นชื่อที่สื่อใช้พาดหัวข่าวถึง นายพลอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ชื่อเล่นว่า “โจ๊ก” ปัจจุบันอายุ 48 ปี ยังคงเหลืออายุราชการอีก 12 ปี เป็นตำรวจที่เติบโตมาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น. และเลื่อนเป็น “สารวัตร” สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 5 จ.เชียงใหม่

ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก่อนไปเป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา บ้านเกิด ไม่นานก็ขึ้นเป็น รองผู้บังคับการจังหวัดสงขลา และ ผู้บังคับการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ส่วนหน้า ดูแล 4 อำเภอสงขลาที่ติดต่อกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตำรวจนี้ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” รับสิทธินับอายุราชการแบบทวีคูณ เช่นเดียวกับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังได้รับฉายาว่า “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” เนื่องจากมีมนุษยสัมพันธ์ดี อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีข้อสังเกตถึงความสนิทสนมของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และภาพความสนิทสนมนั้นก็ยังมีต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลคสช.