องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ชี้ บทเรียนจาก “คดีโฮปเวลล์”

การเริ่มโครงการของรัฐบาลเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว แต่รัฐบาลต้องตัดสินใจในการจ่ายเงิน พล.อ.ประยุทธ์ ก็คล้ายกับจะรับสารภาพ แต่ขอเวลาทบทวนคำพิพากษา ที่แน่ๆ จะไม่ใช้มาตรา 44

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่า รับทราบคำสั่งแพ้คดีโฮปเวลล์ หลังจากนี้ รฟท.จะต้องมาพิจารณาคำสั่งศาล แต่ขณะนี้ยังตอบอะไรไม่ได้มาก โดยจะยึดหลักตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

ขณะที่ นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ประเทศไทย กล่าวว่า บทเรียนที่ไทยควรเรียนรู้จากโครงการนี้ คือ นักการเมืองใช้อำนาจทำโครงการโดยที่ไม่สนใจ หรือติดตามว่าจะเกิดประโยชน์จริงหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ไม่มีความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ จะสังเกตได้ว่า หากมีข้อพิพาทในอนุญาโตตุลาการ ไทยมักแพ้คดี

นายมานะกล่าวว่า ความเสียหายในครั้งนี้ เกิดจากความเห็นแก่ได้ของผู้มีอำนาจ ทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ ทำให้มีการตัดสินใจผิดๆ และไปกดดันเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจจะรู้ความปัญหาที่จะตามมาอยู่เเล้ว

ส่วนปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในปัจจุบัน ยอมรับว่า มีความซับซ้อนมากขึ้น จากความทันสมัยของเทคโนโลยีและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลต่อเงินลงทุนในโครงการต่างๆ ทำให้บางกรณีผู้ต้านโกงติดตามไม่ทัน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก