องค์การเภสัช จี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาชี้แจงจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชา 11 คำขอ

องค์การเภสัชกรรมเรียกร้องกรมทรัพยสินทางปัญญาชี้แจ้งการจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชา 11 คำขอ หวั่นกระทบการผลิตกัญชาทางการแพทย์ในอนาคต

วันที่ 14 พ.ย. 2561  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, สํานักงาน ป.ป.ส กระทรวงยุติธรรมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและภาคีเครือข่ายจัดงานอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผ่อนปรนกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประโยชน์ และผลกระทบที่ตามมาจากการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งนักวิชาการ

ล่าสุด นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยนช์ทางการแพทย์ ระบุ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ในเบื้องต้น แล้ว และกำลังจะเข้าสู่การพิจารณา วาระ 2-3 จากวิป สนช. ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนการคลายล็อคกัญชาที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการอนุญาต นำกัญชา ไปวิจัยศึกษาใช้ทางการแพทย์ แต่เน้นย้ำว่า กัญชา ยังเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ถึง แม้จะมีการคล้ายล็อคกัญชาแต่ก็ไม่สามารถนำไปใช้เพื่อนันทนาการได้ เป็นเพียงนำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเท่านั้น ไม่ได้ปลดอิสระ ดังนั้นประชาชนไม่สามารถปลูกได้

นพ.โสภณ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา เคยพูดคุยกับอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ประเด็นปัญหาการยื่นจดสิทธิบัตรยาที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ครั้งนั้นได้รับการยืนยันว่าไม่สามารถจดสิทธิบัตรให้ได้ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า ขัดต่อ พ.ร.บ สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 9(1) ขณะนี้บอรด์ องค์การเภสัชกรรม และฝ่ายกฎหมาย อยู่ระหว่างการพิจารณา ว่า ดำเนินการอย่างไร เพื่อประเมินความเสียง ที่อาจมีผลกระทบต่อการศึกษาวิจัยกัญชาทางการแพทย์ของ องค์การเภสัชกรรมในอนาคต

“กรมทรัพย์สินทางปัญญา ต้องรีบชี้แจ้งรายละเอียดในการยื่น 11 คำขอ ของบริษัทต่างชาติว่าจะพิจารณาออกมาในแนวทางไหน ถ้าถามว่าจะฟ้องร้องหรือไม่นั้น ผมเองตอบไม่ได้ แต่ได้ให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้พิจารณา โดยตนเอง ขอดูท่าทีของ กรมทรัพย์สินทางปัญญาว่าจะปฏิบัตอย่างไรกับปัญหาดังกล่าว ที่อาจจะเสี่ยงต่อกฎหมายที่จะถูกแก้ไขในอนาคต” นพ.โสภณ กล่าว

ส่วนกรอบการดำเนินการควบคุมกัญชา นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส ระบุว่าอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด 3 ขั้นตอน ทั้งเรื่องการเพาะปลูกสายพันธุ์กัญชา การสกัด และผลผลิตว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ อย่างไร ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องมีความรอบคอบรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อประชาชนที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ ดังนั้น ผู้ที่จะได้รับอนุญาตการปลูกกัญชาในอนาคต จะต้องเป็นนิติบุคคลและหน่วยงานรัฐ และต้องทำเพื่อการศึกษาวิจัย และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ดท่านั้น ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษก่อน ไม่สามารถปลูกได้ทั่วไป

​