อดีตครูประจำชั้น รับดูแลน้องอ้อม หลังเสียแม่จากอุบัติเหตุ

เปิดชีวิตน้องอ้อม หลังต้องสูญเสียแม่จากอุบัติเหตุ ความดีของแม่และน้องอ้อม ส่งผลให้อดีตครูประจำชั้น รับเป็นผู้ปกครองดูแล ด้านเจ้าของร้านแว่น เห็นชีวิตน้องอ้อมน่าสงสาร ตัดแว่นสายตาอันใหม่ให้ฟรี

วันที่ 7 ธ.ค. 61 นางสุดา ก้องเกียรติกูล อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการครูบำนาญ อยู่ที่ 291 หมู่ 1 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้พา น.ส.อมลวรรณ มีศรีสวัสดิ์ หรือ น้องอ้อม อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาราชภัฏอุดรธานี ปี 1 มาที่ร้านสี่ตาภัทรพงษ์ เลขที่ 89/6 หมู่ 11 ถ.หลังโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อทำการวัดสายตา และตัดแว่นอันใหม่

หลังจากที่เมื่อเช้าวานนี้ แม่ของน้องอ้อม คือ น.ส.ดาว มีศรีสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ที่ขี่รถ จยย.พาน้องอ้อมไปทำการสอบ ที่มหาวิทยาราชภัฏอุดรธานี แต่ยังไปไม่ถึง เพราะแม่ของน้องอ้อมขี่รถ จยย.ประสบอุบัติเสียชีวิต ภายใน ซ.จินตคาม ใกล้กับมหาวิทยาลัย

และตัวน้องอ้อมได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเนื้อตัวถลก และแว่นสายตาของน้องอ้อมได้แตกหักหายไปด้วย ทำให้น้องอ้อม มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ซึ่งตัวน้องอ้อมได้ทำเรื่องกับอาจารย์ เพื่อขอเลื่อนสอบเป็นวันหลัง ซึ่งทางเจ้าของร้านสี่ตาภัทรพงษ์ ให้น้องอ้อมเลือกกรอบแว่นสายตาอันใหม่ตามที่สวมใส่ได้สบาย ก่อนพาทำการตรวจวัดสายตาด้วยเครื่องวัดสายตา แล้วได้ตัดแว่นใส่กรอบให้

ขณะที่รอแว่นสายตา น้องอ้อมได้นำโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูรูปแม่ และพูดว่า ถึงแม้แม่จะไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูมีคุณป้าคอยดูแลอยู่ แม่ไปให้สบายนะ หนูจะสานฝันของแม่ ตามที่สัญญาเอาไว้จะตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ มีงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้ หนูรักแม่เสมอคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

น.ส.อมลวรรณ หรือ น้องอ้อม เล่าว่า วันเกิดเหตุตนนั่งซ้อนท้าย จยย.ที่แม่เป็นผู้ขี่ ตนกระเด็นตกจากลงรถ จยย.กลิ้งอยู่กลางถนน เมื่อลุกขึ้นมาได้ไปดูแม่ พบว่าแม่เสียชีวิตแล้ว ตนเสียใจมากและร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก ซึ่งความฝันของแม่ อยากให้ตนเรียนจบจากมหาวิทยาราชภัฏอุดรธานี แล้วมีทำงานเลี้ยงตนเอง ได้แค่นี้แม่บอกว่าก็มีความสุขแล้ว ตนอยากเป็นคุณครูสอนเด็กๆ เนื่องจากแม่ของตนอ่านหนังสือไม่ออก จึงอยากเป็นคุณครู เพื่อจะได้สอนหนังสือให้เด็ก ๆ ตนจึงสอบเข้าคณะครุศาสตร์ สาขาเอกวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา ความรู้สึกของตนตอนนี้ แม่คงไม่ต้องลำบากอีกแล้ว เพราะแม่ลำบากมาตลอดชีวิต ถึงเวลาที่แม่ต้องพักผ่อน แม่ของตนท่านไปสบายแล้ว

ด้าน นางสุดา ก้องเกียติกูล เปิดเผยว่า ชีวิตของครอบครัวน้องอ้อม เริ่มจากแม่น้องอ้อมไปทำงานที่กรุงเทพกับสามี ตอนนั้นพ่อน้องอ้อมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตั้งแต่แม่ท้องน้องอ้อมได้ 5 เดือน ต่อมาแม่น้องอ้อมได้ย้ายกลับบ้านเกิดที่ จ.กำแพงเพชร หลังจากคลอดน้องอ้อมออกมา พอลูกแข็งแรงจึงได้พาลูกมาอยู่ที่ จ.อุดรธานี มารับจ้างทำงานทั่วไป และเก็บของเก่าขายตอนกลางคืน จนกระทั่งแม่น้องอ้อมมาสมัครเป็นแม่บ้านที่หอพักของตน จึงรับเข้าทำงาน

“เราเคยเป็นครูประจำชั้น ป.4 ของน้องอ้อม ที่ตอนนั้นเรียนที่โรงเรียนเทศบาล 5 ทำให้ครอบครัวเราสนิทกัน ทั้งแม่และตัวน้องอ้อม มีความผูกพันกัน อยู่ด้วยกันเหมือนญาติพี่น้อง ต่อมาแม่น้องอ้อมอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง จึงได้ไปผ่อนบ้าน ที่หมู่บ้านมั่นคง ชุนชนผาสุก จากนั้นน้องอ้อมจึงย้ายออกไปอยู่ที่บ้าน

หลังจากน้องอ้อมเรียนชั้น ม.1 ถึงชั้น ม.6 ซึ่งช่วงนั้นแม่น้องอ้อมหาเงินเพียงคนเดียว ไม่พอใช้จ่าย เราก็เข้าไปช่วยเหลือบ้าง แต่หลังจากนั้นแม่น้องอ้อมผ่อนบ้านไม่ไหว จึงกลับมาขออยู่กับเราอีก ซึ่งเราก็ยินดีให้อยู่ด้วยกันพร้อมลูกสาว ส่วนตัวแม่น้องอ้อมก็ไปทำงานเป็นภารโรงที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง”

นางสุดาเล่าต่อไปว่า ส่วนตนมีแต่ลูกชายโตๆ ทำงานกันหมดแล้ว ตัวน้องอ้อม ตนคิดว่าเขาเป็นลูกสาวคนหนึ่ง ซึ่งแม่น้องอ้อม เขาก็สุขภาพไม่แข็งแรง และรูปร่างอ้วน เขาเคยบอกว่า ถ้าตัวเขาเองไม่อยู่ ขอให้ตนช่วยดูแลลูกสาวแทนให้ด้วย ซึ่งตนก็รับปาก แม่น้องอ้อมเขาเป็นคนดี เป็นคนขยัน มีความซื่อสัตย์ ความดีของเขาทำให้ตนคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา ตนจะดูแลน้องอ้อมจนกว่าเขาจะเรียนจบ มีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ หรือถ้าไม่อยากไปไหนก็ให้อยู่ด้วยกัน คอยดูแลกันไปเพราะตนเองก็อายุมากแล้วด้วย

ส่วน นายเชิดพงษ์ คลอวุฒิดำรงค์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านแว่นสี่ตาภัทรพงษ์ บอกว่า หลังจากตนเห็นข่าวของน้องอ้อม ตามสื่อต่างๆ ว่าตัวน้องอ้อม เขาต้องสูญเสียคุณแม่จากอุบัติเหตุ และมีชีวิตที่น่าสงสาร ด้วยความบังเอิญที่วันนี้น้องอ้อม ได้มาตัดแว่นสายใหม่กับผู้ปกครอง ตนอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือน้องอ้อม ในการทำความดีด้วยหัวใจ จึงได้ทำการวัดสายสายตาและตัดแว่นสายตาอันใหม่ให้ โดยไม่คิดเงิน

ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้ช่วยเหลือเด็กนักเรียนฐานะทางบ้านยากจน เอาแว่นสายตามาซ่อม ก็ไม่คิดเงินเหมือนกัน รวมถึงพระสงฆ์ด้วย ถือว่าเป็นการทำบุญ ถ้าน้องอ้อมมีปัญหาเกี่ยวกับแว่นสายตา ตนก็ยินดีช่วยเหลือตลอดต่อไป