“อนุทิน” ประกาศพร้อมสู้มาเฟียข้าวดึงกำไรให้ชาวนา75%

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันนโยบายเอากำไรพ่อค้าและโรงสีมาให้ชาวนา ไม่ได้คิดเล่นๆ พร้อมเปิดหน้าชนผู้มีอิทธิพลในวงการข้าว ชี้ถ้าทำได้สำเร็จให้ลาออกก็ยอม

วันที่ 22 ม.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายแบ่งปันกำไรข้าวที่พรรคภูมิใจไทยเสนอซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผลประโยชน์ในธุรกิจข้าว จนอาจกระทบกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในกลุ่มธุรกิจข้าวว่า แนวทางของพรรคให้คนทุกกลุ่มเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการข้าวอยู่แล้ว ในกลุ่มนั้นจะต้องมีทั้งตัวแทนชาวนา ตัวแทนพ่อค้า ตัวแทนโรงสี แต่ที่สุดแล้วคุณต้องแบ่งปันผลกำไรให้ชาวนา 75% แบ่งปันกำไรให้พ่อค้า 15% และแบ่งปันให้โรงสี 10%

ทั้งตนและทีมยุทธศาสตร์ของพรรคคิดตรงกันว่าด้วยการแบ่งปันแบบนี้ ทุกฝ่ายอยู่ได้กำไรแน่นอนเพราะชาวนาลงทุนลงแรงมากที่สุด จำนวนก็มากที่สุดก็ต้องได้มากกว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรม ในอดีตการแบ่งผลประโยชน์มันบิดเบี้ยว คนทำน้อยได้มาก คนทำมากได้น้อย เราแค่ต้องทำให้มันถูกต้อง ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองเสียผลประโยชน์ก็โวยวายกันในที่ประชุมเลยส่งตัวแทนไปคัดค้าน ให้ประชาชนรู้ว่าคุณไม่พร้อมสละกำไรให้ชาวนาซึ่งเขาทำงานหนักกว่า

“ผมก็มีมือมีเท้าเหมือนกัน บางทีคนที่เรียกตัวเองว่ามาเฟียว่าพวกผู้มีอิทธิพล อาจกลัวผม เพราะผมคิดดี ทำดี มีความดีเป็นเกราะป้องกันตัว ผมไม่กลัว และผมก็อยากทำให้สำเร็จ ถ้าทำสำเร็จผมพอใจแล้วลาออกเลยก็ได้ เพราะได้ฝากผลงานให้กับคนไทย นี่คือความใฝ่ฝันของนักการเมืองทุกคน”

เมื่อถามว่านโยบายของภูมิใจไทยจะสู้กับนโยบายจำนำข้าวและประกันราคาข้าวได้หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ทั้ง 2 นโยบาย อาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญทางพรรคไม่กล้าเสี่ยงนำมาใช้ ทางพรรคเราอยากให้ชาวนามากเท่าที่จะมากได้ เข้าใจความลำบากของชาวนา แต่ในความเป็นจริงมันขัดกฎหมาย พรรคต้องคิดวิธีที่มันมีโอกาสทำได้มากที่สุด ยั่งยืนที่สุดตกผลึกที่การแบ่งปันกำไรข้าว

“คิดกันขนาดนี้ ก็ยังมีเสียงท่านนายกฯ ว่ามันจะทำไม่ได้ มันจะติดนั่น ติดนี่ แต่ผมมั่นใจว่าทำได้ เพราะหลังจากทราบข่าวว่าท่านนายกฯท้วงติงมา ผมรีบโทรศัพท์หาทีมยุทธศาสตร์และนักวิชาการของพรรคเลยว่ามันทำได้ไหม ก็ได้ความสบายใจว่าทำได้แน่นอน ก็ขนาดอ้อย ยังทำได้ มีพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลมาคุมการแบ่งกำไร บังคับใช้มาตั้ง 30 กว่าปี แล้วทำไมข้าวถึงจะทำไม่ได้ คุยกันแล้ว ก็มั่นใจว่าไม่ได้ขายฝันใคร” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว