อภิสิทธิ์ เดินหน้าย้ำจุดยืนเลือกลุงตู่ เศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนถูกจำกัดสิทธิ์ เลือกเพื่อไทย ได้ประชานิยมและดครงการที่สร้างความเสียหาย แต่ถ้าเลือกประชาธิปัตย์ ที่สุจริตบ้านเมืองจะไม่วิกฤต
วันที่ 12 มี.ค. ที่หอประชุมโรงเรียนแม่ระมาดวิทยาคม อ.แม่ระมาด จ.ตาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานบนความรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน รัฐบาลประชาธิปัตย์ทุกยุคทุกสมัยไม่เคยสร้างปัญหาวินัยทางการเงินการคลัง มีแต่ต้องเข้าไปกอบกู้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลอื่น โดยยอมรับว่าพรรคเสนอนโยบายไม่หวือหวาแต่ยั่งยืน
“เราอาจจะไม่หวือหวา และบางครั้งพูดตรง ๆ อาจจะทำให้เราแพ้การเลือกตั้ง แต่ที่เรายืนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ในขณะที่พรรคอื่น ๆ ล้มหายตายจากไป ก็เพราะความยั่งยืนของนโยบาย และความซื่อตรงที่เรามีต่อพี่น้องประชาชน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวย้ำถึง ทางเลือกของประชาชนหลังประกาศจุดยืนของตนเองก่อนหน้านี้ว่า การไปเลือกตั้ง 24 มีนาคม สามารถจะเลือกอนาคตให้กับประเทศ 3 ทางเลือก คือ 1. เลือกที่สนับสนุนรัฐบาลปัจจุบัน ถ้าใครพอใจกับการบริหารงานของรัฐบาลก็มีทางเลือกนี้ แต่ประชาธิปัตย์มองว่าทางเลือกนี้ 1. เศรษฐกิจไม่ดี 2.ประชาชนไม่ได้เป็นใหญ่ เพราะถูกกำจัดในหลายรื่อง และมีความพยายามในการรวบรวมศูนย์อำนาจเข้ามาอยู่ตรงกลางทั้งหมด
2.เลือกพรรคเครือข่ายของรัฐบาลเก่า แนวเขาก็เป็นลักษณะของความหวือหวาอย่างที่ว่าประชานิยมมาโดยตลอด แต่วันนี้มันก็พิสูจน์แล้วทั้งจำนำข้าว ทั้งแทบเล็ตที่แจกเด็ก ทั้งรถคันแรกเป็นนโยบายที่ไม่สามารถทำต่อได้ ไม่ยั่งยืนและยังสร้างความเสียหายขึ้นมาอีก
3. เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ตนประกาศมาตั้งแต่ต้นว่า 2 ทางเลือกข้างต้น ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์เป็นตัวของตัวเอง และนำเสนอแนวคิด แก้จน สร้างคน สร้างชาติ และยืนยันว่าทำงานภายใต้แนวคิดประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต
“ต้องเติมคำว่าสุจริตเข้าไป เพราะถ้าไม่สุจริตสุดท้ายบ้านเมืองก็จะวิกฤติอีก และเราอาจจะวนมาอยู่ตรงนี้ นี่คือความหมายของการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่พี่น้องประชาชนต้องเลือกระหว่าง 3 ฝ่ายนี้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ไปปราศรัยต่อที่ หอประชุมโรงเรียนแม่กุวิทยาคม อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า ประเทศไทยมีทางเลือกดีกว่าที่จะเลือกระหว่างประยุทธ์กับทักษิณ รอเลือกตั้งกันมา 8 ปี จะไปใช้สิทธิ์เพื่อให้คนหนึ่งได้อยู่ต่อ อีกคนได้กลับบ้าน คงไม่ใช่ ถึงเวลาที่ต้องเลือกให้อนาคตประชาชน เลือกให้อนาคตของประเทศชาติ
ฝ่ายหนึ่งพยายามยัดเยียดว่าประชาธิปัตย์กำลังจะจับมือกับเพื่อไทยขอยืนยันไม่เคยมีความคิดจะจับมือกับเพื่อไทยเลย แต่ข่าวลือแบบนี้ออกมาตลอด เพื่ออะไร เพื่อทำให้คนที่กลัวคุณทักษิณจะต้องไปเลือกพรรคที่สนับสนุนคุณประยุทธ์ จึงต้องบอกชัดๆ ว่าประชาธิปัตย์ไม่จับมือ และไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีประวัติการทุจริตมานำประเทศ
ในขณะเดียวกันก็มาถามว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ไหม ตนชัดเจนมาตลอด ชัดเจนตั้งแต่วันที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค ว่าแนวทางของตนในการเป็นหัวหน้าพรรค ยึดอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์สืบทอดสืบสานกันมา 70 กว่าปี เราต้องไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ
“ผมก็รู้ว่าท่านเข้ามาแล้วบ้านเมืองสงบ พี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งก็มีความพึงพอใจ แต่หลังเลือกตั้งเป็นคนละเรื่อง เพราะหลังเลือกตั้งคนเป็นนายกฯไม่มีมาตรา 44 หลังเลือกตั้งเราต้องคิดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่คนกลัวความวุ่นวายคืออะไร 10 ปีที่ผ่านมาเกือบทุกฝ่ายเรียนรู้แล้วว่าบ้านเมืองจะไปขัดแย้งเสียหายกันต่อไปแบบเดิมๆ ไม่ได้ ถ้าเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้งเสร็จแล้วเดินไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นกันอีกมันก็เดินได้ แต่วันนี้สิ่งที่ผมมองเห็นแน่ๆ ที่จะเป็นความขัดแย้งคือ ปัญหาการสืบทอดอำนาจ“