จอห์นนี่ แฮร์ริส ผู้สื่อข่าว Vox พาไปดูเมืองสีเขียวแห่งหนึ่งของโลกอย่างกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ที่ท้องถนนเต็มไปด้วยรถพลังงานไฟฟ้า อย่างเช่น Tesla รถยนต์หรูที่ขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบรนด์อเมริกัน
แฮร์ริส กล่าวว่า ตั้งแต่เขามาเยือนออสโล เป็นเวลาสองสามชั่วโมง เขาได้พบกับรถ Tesla มาแล้ว 50 คัน ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวมีความสวยงาม ดูโฉบเฉี่ยว มีประสิทธิภาพ เป็นรถที่แรง และมีค่าตัวราว 2 ล้านกว่าบาท โดยรถดังกล่าวขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 100% และสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 5 วินาที
เมื่อปี 2014 Tesla เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ทุบสถิติยอดขายดีแบบถล่มทลายในออสโล โดยมีเพียง Model S รุ่นเดียวเท่านั้นที่ออกจำหน่าย ณ ขณะนั้น
กรุงออสโล เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยรถพลังงานไฟฟ้า โดยแฮร์ริส กล่าวว่า ความนิยมรถพลังงานไฟฟ้าในสหรัฐฯ ก็ไม่ฮิตฮอตเท่าที่นี่ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของรถพลังงานไฟฟ้า สำหรับรถพลังงานไฟฟ้าสามารถสังเกตได้ง่ายจากทะเบียนรถ หากรถคันนั้นขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า หมวดอักษรบนทะเบียนจะขึ้นต้นด้วย ‘E’ ซึ่งย่อมากจากคำว่า Electric หรือพลังงานไฟฟ้านั่นเอง
ในปี 2016 ที่สหรัฐฯ ประชาชนได้ซื้อรถพลังงานไฟฟ้า โดยคิดเป็น 1% ของปริมาณการซื้อรถใหม่ทั้งหมด แต่ในนอร์เวย์ ผู้คนเลือกใช้รถพลังงานไฟฟ้าในสัดส่วน 29% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกระแสไฟฟ้าในประเทศนอร์เวย์ ได้ถูกผลิตมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เช่น เขื่อน ดังนั้นจึงเป็นพลังงานที่สะอาดและมีราคาถูกสำหรับขับเคลื่อนรถพลังงานไฟฟ้าเหล่านี้
รัฐบาลนอร์เวย์ ได้ให้ความสำคัญกับการใช้รถพลังงานไฟฟ้าอย่างมาก จึงทำให้บนท้องถนนของประเทศแห่งนี้เต็มไปด้วยรถพลังงานสะอาด อย่าง Tesla และแบรนด์อื่นๆ มากมาย เมื่อคุณเป็นเจ้าของรถพลังงานไฟฟ้า ตามนโยบายของรัฐคุณสามารถจอดรถโดยไม่ต้องเสียค่าบริการ คุณสามารถใช้ช่องทางพิเศษ (HOV Lane) โดยไม่ต้องกลัวรถติด คุณสามารถใช้โทลเวย์ฟรี คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่อทะเบียนรถ เป็นต้น
นอกจากนี้ แรงจูงใจในแง่ธุรกิจคือ บริษัทผูผลิตและจำน่ายรถพลังงานไฟฟ้า เช่น Tesla ไม่ต้องเสียภาษี สำหรับการจำน่ายที่นี่ ในนอร์เวย์ จึงทำให้ราคารถถูกกว่าในสหรัฐอเมริกา
ในออสโล มีจุดบริการที่ชาร์ตสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าอยู่ราว 2,000 จุด โดยเปิดให้ใช้ฟรี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการอุดหนุนจากรัฐบาล ผ่านกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Funds) เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า โดยรายได้ของกองทุนมาจากการจำหน่ายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากนอร์เวย์เป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของโลก ซึ่งรัฐบาลได้นำเงินจากการส่งออกน้ำมันมาอุดหนุนนโยบายสำหรับผู้ใช้รถพลังงานไฟฟ้า แต่การได้มาซึ่งเงินอุดหนุนดังกล่าวก็เกิดจากการผลิตน้ำมันและก๊าซที่ส่งผลต่อชั้นบรรยากาศด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
แต่สำหรับคนนอร์เวย์คิดว่า รัฐบาลมองว่าโลกยังต้องการน้ำมันและก๊าซ อย่างประเทศที่กำลังพัฒนาอยู่มาก เช่น จีน อินเดีย ซึ่งมีความจำเป็นในการใช้พลังงานจำนวนมาก โดยรัฐบาลนำเงินที่ได้ซื้อจิตสำนึกที่ดีให้กับประชาชน แม้ว่าจะต้องถูกประชดกับการเป็นเมืองสีเขียวด้วยเงินสนับสนุนจากรายได้ส่งออกน้ำมัน
ที่มา : Vox