‘อียู’ ขอส่งผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งเยอะเกิน! กกต.แจงยุบพรรคหลัง 26 พ.ย.

วันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะแถลงข่าวชี้แจงปฏิทินเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 โดยคาดว่า จะมีรัฐบาลใหม่ในเดือนมิถุนายนปีหน้า ขณะที่ กกต.ชี้แจง หากมีการยุบพรรคหลังวันที่ 26 พ.ย. สมาชิกไปหาพรรคใหม่ได้แต่หมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมเผย อียูขอส่งผู้สังเกตการณ์เลือกตั้ง 200-400 คน ถือว่ามากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

มีรายงานข่าวว่า ในการหารือระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับ คณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา มีประเด็นหารือที่น่าสนใจคือเรื่องการยุบพรรค โดยมีการซักถามเรื่องการกำหนด วันที่ 24 ก.พ. 2562 เป็นวันเลือกตั้งว่าเป็นมาอย่างไร และถ้าวันที่ 24 ก.พ. 2562 เป็นวันเลือกตั้ง ผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส. ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอย่างช้าที่สุด คือ ภายในวันที่ 26 พ.ย. นี้ แต่หากว่า หลังวันดังกล่าวพรรคการเมืองนั้นถูกยุบ การไปสังกัดพรรคการเมือง จะทำให้มีปัญหาในการลงสมัครรับเลือกตั้งเหมือนการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557

ทางด้าน กกต. ชี้แจงว่า วันที่ 24 ก.พ. 2562 เป็นการคาดการณ์โดยพิจารณาจากวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะมีผลบังคับใช้ เพื่อเป็นการเร่งรัดการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จะได้มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งมากที่สุดเท่านั้น แต่ที่สุดแล้ววันเลือกตั้งจะเป็นวันใดก็ขึ้นอยู่กับการประชุมตามข้อ 8 ของคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 หลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้

“กรณีหากมีการยุบพรรค หลังวันที่ 26 พ.ย. สมาชิกก็ต้องไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ แต่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.ไม่ได้ เพราะถือว่า สังกัดพรรคการเมืองนั้นมายังไม่ถึง 90 วัน”

ส่วนการรับมือกับการชุมนุมประท้วงต่างๆ นั้น กกต.ได้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคง ในเรื่องการข่าว การรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว โดยจะมีการสกัดกั้นไม่ให้มีการก่อตัวชุมนุมได้ นอกจากนี้ กกต. ได้ชี้แจงถึงเรื่องการขอเข้าสังเกตการณ์การเลือกตั้งขององค์กรต่างประเทศว่า ทางอียูได้ขอที่จะส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามา 200-400 คน โดยขอที่จะไปสังเกตการณ์ในทุกพื้นที่ ซึ่งถือว่า จำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่กกต.ยังไม่ได้มีการประชุมหารือกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดอน ปรมัตถ์วินัย ชี้ให้ต่างประเทศมาสังเกตการณ์เลือกตั้ง “ไม่เป็นมงคล”