สสจ.อำนาจเจริญ เตือนอากาศเปลี่ยน ระวัง 6 โรคที่มากับฤดูหนาว หลังอากาศลดฮวบแตะ 18 องศา เผยชาวอำนาจเจริญป่วย 6 โรค รวมแล้วกว่า 2,000 ราย ชี้โรคปอดบวม รุนแรงที่สุด ป่วยแล้วกว่า 600 ราย
วันที่ 12 ธ.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานพยากรณ์อากาศว่า ในช่วงวันที่ 12-16 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-5 องศาเซียลเซลเซียส ส่งผลให้หลายพื้นที่ใน จ.อำนาจเจริญ ตอนนี้มีอากาศหนาวเย็นลงกับลมแรง อุณหภูมิลดฮวบเหลือ 18-20 องศาเซียลเซล โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนและในช่วงตอนเช้า
นายแพทย์ประภาศ วีระพล นายแพทย์สาธารณสุข จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ในช่วงอากาศหนาว หลายพื้นที่เริ่มมีอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนบางแห่งมีฝนตกลงมาในบางพื้นที่ ทำให้สภาพอากาศมีความชื้น และเกิดความหนาวเย็น เป็นสาเหตุที่นำมาซึ่งการเกิดโรคได้ง่าย เพราะเชื้อโรคสามารถเจริญเติบโตได้ดี มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น โดยเฉพาะโรคที่มักจะพบบ่อยในช่วงฤดูหนาว ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคอิสุกอิใส โรคมือ เท้า ปาก และโรคอุจจาระร่วง
ซึ่งข้อมูลจากกลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อของสำนักงานสาธารณสุข จ.อำนาจเจริญ ในช่วงกลางปีนี้จนถึงปัจจุบัน มีรายงานผู้ป่วย 6 โรคฤดูหนาว รวมแล้วกว่า 2,000 ราย ซึ่งโรคที่มีความรุนแรงมากที่สุดคือ โรคปอดบวม พบผู้ป่วยมากถึงกว่า 600 ราย
จึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนขอให้รักษาร่างกายให้อบอุ่น ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แกตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงขอให้เพิ่มการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และอาการจะรุนแรงกว่าคนปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะป่วยได้ง่าย ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย
สำหรับวิธีปฏิบัติตนของผู้ที่มีความเสี่ยงดังกล่าว คือ การหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด และใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด ไอ จาม และถ้าหากป่วยแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที