อุตุฯ เตือนภาคใต้ รับมือฝนจากอิทธิพล “พายุคีโรกี” สั่งเร่งระบายน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ

ประเด็นคือ – กรมชลประทานอยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มและทุ่งรับน้ำต่างๆ ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนให้ภาคใต้ เฝ้าระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากพายุคีโรกีต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.)

วันที่ 20 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่า พายุ “คีโรกี” มีผลกระทบต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 ไปจนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน โดยหลังจากเคลื่อนตัวไปขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่างเมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง โดยคาดว่าจะเคลื่อนผ่านประเทศกัมพูชาและเข้าปกคลุมอ่าวไทยตอนกลางในช่วงวันที่ 20-21 พฤศจิกายน

จะส่งผลให้ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วยพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ในช่วงวันที่ 20-21 พ.ย. 2560 บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา และภูเก็ต สั่งเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนปัญหาอุทกภัย ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่จังหวัดพิจิตร พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น และมหาสารคาม รวม 13 อำเภอ 79 ตำบล 82,190 ครัวเรือน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าวแล้ว และขณะนี้กรมชลประทานได้ปรับลดการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่บริเวณคลองบางบาล คลองโผงเผง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้ทยอยระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ เริ่มจากทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เป็นทุ่งแรก ทำให้ระดับน้ำลดลงเรื่อย ๆ แต่จะคงปริมาณน้ำไว้ราว 100 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้เกษตรกรในทุ่งได้ใช้สำหรับเตรียมแปลงเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งต้นเดือนธันวาคม ตามที่ตกลงไว้กับเกษตรกรได้อย่างเพียงพอ

เช่นเดียวกับพื้นที่ลุ่มต่ำตอนล่าง 12 ทุ่งของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยยืนยันว่า น้ำที่ระบายออกจากทุ่งทั้งหมดจะไหลผ่านระบบชลประทานไปลงแม่น้ำยม แม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน ลงสู่ทะเล ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่น้ำไหลผ่าน