อ.นาดูน แล้งหนัก ! เกษตรกรวุ่น หาทางรอดให้ต้นข้าว

ถึงแม้จะเข้าสู่หน้าฝน แต่หลายพื้นที่ของ จ.มหาสารคาม ยังคงประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ชาวนาตกกล้าไว้จะนำไปปักดำ แต่กลับมีน้ำไม่เพียงพอ ต้องหันไปทำนาแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม คือปักดำข้าวแห้งรอน้ำฝนได้นานกว่าสัปดาห์ ดีกว่าให้ต้นกล้ายืนต้นแห้งตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ส.ค. 61) ชาวนาใน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เริ่มได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากฝนทิ้งช่วง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูทำนาปีแล้ว แต่ปริมาณฝนมีน้อย แม้จะมีคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ แต่ในพื้นที่ อ.นาดูน ครอบคลุมทั้งอำเภอ แทบไม่มีฝนตก ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการปักดำข้าว ข้าวที่ตกกล้าไว้เพื่อปักดำ แม้มีอายุพอจะนำไปปักดำแล้วกลับไม่มีน้ำที่จะปักดำ ชาวนาต้องใช้วิธีปักดำข้าวแห้งแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม บนผืนนาที่ไม่มีน้ำขัง

โดยขอแรงเพื่อนบ้านช่วยกันถอนกล้านำไปปักดำให้ต้นข้าวยืนต้นรอฝนได้นานกว่าสัปดาห์ ขอเพียงให้สภาพดินมีความชื้นบ้างเล็กน้อย ชาวนาจึงยอมเสี่ยงดีกว่าปล่อยให้ต้นกล้าแคระแกร็น และยืนต้นแห้งตาย

สำหรับการปักดำข้าวแห้งชาวนาจะใช้วิธีถอนกล้า ต่อจากนั้นหากดินแห้งมากก็จะใช้ไม้ปลายแหลม หรือปลายมน บางรายอาจใช้เสียมปักลงไปบนหน้าดินให้เป็นรูหรือเป็นหลุม ก่อนจะนำต้นกล้า 2-3 ต้น ปลูกลงไปกดดินให้แน่น หากสภาพดินพอมีความชื้นอยู่บ้างก็จะปักดำข้าวได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ปักให้เป็นหลุมก่อน ซึ่งต้นข้าวจะยืนต้นรอน้ำฝนได้นานกว่าสัปดาห์ ดีกว่าปล่อยให้ต้นกล้า แคระแกร็น

ขณะที่เกษตรกรหลายรายที่ปักดำข้าวไปแล้วแต่ขาดน้ำ และกำลังประสบปัญหาวัชพืชขึ้นปกคลุมต้นข้าว ทางออกเกษตรกรสำนักงานเกษตรอำเภอนาดูนได้แนะนำให้เกษตรกรใช้เครื่องตัดหญ้าตัดใบข้าว เพื่อกำจัดวัชพืชที่ขึ้นปกคลุมต้นข้าว ซึ่งการตัดใบข้าวนอกจากจะช่วยกำจัดวัชพืชแล้ว ยังเพิ่มผลผลิตข้าวให้กับเกษตรกร เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อไร่ วิธีการตัดใบข้าวในพื้นที่ไม่มีน้ำขังให้เกษตรกรตัดต้นข้าวสูงจากพื้นดินประมาณ 15 ซม.

นายสุรพงษ์ คำสะอาด เกษตร อ.นาดูน จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ปีนี้สภาพทั่วไปแห้งแล้งมาก ส่งผลกระทบต่อนาข้าวของเกษตรกรแล้วกว่า 50,000 ไร่ เกษตรกรที่ยังไม่ปักดำข้าว จึงต้องใช้วิธีปักดำข้าวแห้งซึ่งต้องปักให้ลึก เพื่ออาศัยความชื้นจากดินชั้นล่าง ให้ต้นข้าวสามารถเจริญเติบโตได้