อ.เดชา เตรียมเขียนจดหมายเปิดใจ หลังมูลนิธิข้าวขวัญ ถูกจับครอบครองกัญชา

ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ปล่อยตัวชั่วคราว นายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ ไบโอไทยยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาท ส่วน อ.เดชา ศิริภัทร อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตครอบครองกัญชากับ อย. ยังไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย เปิดเผยความคืบหน้าคดีครอบครองกัญชาของมูลนิธิข้าวขวัญ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำมา พ.ร.บ ยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 ดำเนินการจับกุม นายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ เมื่อ 6 วันที่ผ่ามา

ทางไบโอไทย ยื่นรายละเอียด พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 6 พ.ศ.2562 ที่ระบุว่ากัญชาสามารถใช้ทางการแพทย์ได้  โดยอยู่ในช่วงนิรโทษกรรมให้มีการจดแจ้งภายใน 90 วัน คือตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธุ์ – 19 พฤษภาคม 2562 ซึ่งทางมูลนิธิข้าวขวัญ อยู่ระหว่างขอใบอนุญาต จากสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี

ทางศาลจังหวัดสุพรรณบุรี อนุมัติให้ปล่อยตัวนายพรชัย เป็นการชั่วคราว โดยยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาท ไม่มีเงื่อนไข ศาลให้เหตุผลการปล่อยตัว เพราะนายพรชัยมีอาการป่วย เป็นหัวหน้าครอบครัว มีบุตรเล็ก ซึ่งศาลมีคำสั่งปล่อยตัวที่เรือนจำเวลา 18.00 น.

ส่วนด้าน อ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิฯ จะเขียนจดหมายชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงข้อสังเกตในวันพรุ่งนี้ เบื้องต้น อ.เดชาได้แจ้งความจำนงค์เข้าพบเจ้าหน้าที่ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยขณะนี้ พนักงานสอบสวนา ภ.สระแก้ว ยังไม่ได้ออกหมายเรียก หรือหมายเชิญนายเดชาแต่อย่างใด

นายวิฑูรย์  ระบุว่า ทั้งสามมูลนิธิประกอบด้วย ไบโอไทย มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จะทำคดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง ที่ปราชญ์ชาวบ้านที่ใช้กัญชาในการช่วยเหลือรักษาชาวบ้าน โดยไม่หวังกำไร ไม่ควรถูกจับกุม

ขณะที่วันนี้ นายศุภชัย ใจมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้มาร่วมสังเกตุการณ์ และให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย

ด้านนายจักรกฤต บรรเจิดกิจ กรรมการบริหารเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติลูกศิษย์ อ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขัวญ ระบุว่า นายเดชา ได้แจกน้ำมันสกัดกัญชามานานกว่า 5 ปี โดยเริ่มแจกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ ที่อยู่ในเครือข่ายด้านข้าว

การจ่ายน้ำมันสกัดกัญชาแบบแคปซูลให้กับผู้ป่วยนั้น จะต้องผ่านการคัดกรองประวัติ มีใบรับรองแพทย์ว่า เป็นผู้ป่วยจริง  300 คน และหายจากอาการป่วยไปแล้วกว่าร้อยคน

ต่อมาทางเครือข่ายได้เล็งเห็นว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากต้องการการรักษา จึงได้มีการแจกให้กับผู้ป่วยรายอื่น โดยแจกในจังหวัดสุพรรณบุรีมากว่า 3 เดือน และ จังหวัดพิจิตร แจกได้มาประมาณ 1 เดือนเฉลี่ยสัปดาห์ละ 8,000 แคปซูล

นายจักรกฤต ยืนยันว่า อ.เดชา แจกน้ำมันสกัดกัญชาโดยไม่มีเรียกเก็บเงินแต่อย่างใด ส่วนต้นกัญชา 200 ต้นที่เป็นของกลางนั้น มีบุคคลเพาะไว้เพื่อนำมาให้ อ.เดชา แจกจ่ายให้กับผู้ป่วยครอบครัวละ 1 ต้น โดยที่ผ่านมาไม่ได้ครอบครองต้นกัญชาแต่อย่างใด มีเพียงรับน้ำมันกัญชามาบรรจุแคปซูลเท่านั้น

นางเปลี่ยน ศรีดงยาง ญาติผู้ป่วยที่อยู่ในเครือข่ายระบุว่า สามีของตนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ มีอาการดีขึ้นหลังจากที่ขอรับแคปซูลน้ำมันกัญชาจากมูลนิธิมาตั้งแต่ปลายปี 2559 ทำให้ลดภาระค่ารักษาพยาบาลได้มาก โดยที่ผ่านมาไม่เคยเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้รู้สึกเสียใจที่มูลนิธิข้าวขวัญถูกจับกัมในคดีกัญชา ซึ่งมีความกังวลว่า สามีจะไม่ได้รับน้ำมันสกัดกัญชาไปรักษาได้อีก