เคปทาวน์ประกาศ Day Zero 21 เมษายน วันที่ไม่มีน้ำไหลจากก๊อกแม้แต่หยดเดียว

เคปทาวน์ เมืองใหญ่อันดับสองของแอฟริกาใต้เผชิญวิกฤติภัยแล้งรุนแรงจนต้องห้ามล้างรถ ห้ามอาบน้ำเกิน 2 นาที ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องหยุดจ่ายน้ำ  

เคปทาวน์ เมืองใหญ่อันดับสองของแอฟริกาใต้กำลังจะเป็นเมืองแรกในโลกที่จะไม่มีน้ำไหลจากก๊อกเลยแม้แต่หยดเดียว หลังทางการออกมาประกาศ “Day Zero” หรือวันหยุดจ่ายน้ำในวันที่ 21 เมษายนนี้เร็วกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ !

“เรากำลังเข้าใกล้จุดที่ไม่มีวันหวนกลับ เราไม่สามารถขอร้องให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำได้อีกต่อไป เราต้องบังคับพวกเขา” Patricia de Lille นายกเทศมนตรีเมืองเคปทาวน์พูดถึงสิ่งที่ต้องทำนับจากนี้หลัง 60% ของชาวเมือง 4 ล้านคนไม่แยแสมาตรการประหยัดน้ำ

Patricia de Lille นายกเทศมนตรีเมืองเคปทาวน์ / AFP

ในช่วงที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์นี้จะมีการจำกัดปริมาณการใช้น้ำให้อยู่ที่ 50 ลิตรต่อคนต่อวันจาก 85 ลิตรที่ใช้อยู่ตอนนี้ ห้ามรดน้ำต้นไม้ ห้ามล้างรถ ห้ามเพิ่มน้ำลงในสระน้ำ ฯลฯ รวมถึงให้อาบน้ำด้วยฝักบัวแทนการใช้อ่างอาบน้ำและอาบให้เสร็จภายใน 2 นาที คาดว่าถ้าสามารถลดการใช้น้ำลงได้วันละ 500 ล้านลิตรก็อาจหลีกเลี่ยง Day Zero ได้

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เคปทาวน์เผชิญวิกฤติครั้งนี้คือระดับน้ำในเขื่อน Theewaterskloof แหล่งจ่ายน้ำหลักของเมืองลดลงอย่างน่าใจหาย เวลานี้ความสามารถในการจ่ายน้ำจากเขื่อนเหลือไม่ถึง 30% เมื่อเทียบกับ 43% เมื่อปีที่แล้วและ 93% เมื่อปี 2557 เนื่องจากปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีติดต่อกันบวกกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้น้ำไม่พอใช้ หากความสามารถในการจ่ายน้ำของเขื่อนลดลงเหลือ 13% ทางการก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดน้ำแต่ยกเว้นภาคส่วนที่จำเป็นเช่นโรงพยาบาล และให้ชาวเมืองออกมาเข้าคิวรับแจกน้ำวันละ 25 ลิตร ซึ่งคาดว่าถ้าไม่มีอะไรดีขึ้น วันนั้นคือวันที่ 21 เมษายนนี้

เขื่อน Theewaterskloof แห้งขอด / AFP

เวลานี้ทางการเมืองกำลังพยายามใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อหาน้ำเพิ่มเติมทั้งการขุดหาชั้นน้ำใต้ดิน การรีไซเคิลน้ำเสีย รวมไปถึงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล

รายงานสหประชาชาติคาดการณ์ว่าโลกอาจเผชิญภาวะปริมาณน้ำจืดลดลง 40% อย่างเร็วที่สุดภายใน 30 ปีนี้จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร การทำเกษตรและอุตสาหกรรม เมืองใหญ่ที่ตกอยู่ภาวะเสี่ยงมีทั้งกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น กรุงไคโรของอียิปต์ เมืองไมอามีของสหรัฐ และกรุงลอนดอนของอังกฤษ ฉะนั้นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่เคปทาวน์จึงเป็นเหมือนเสียงเตือนสำหรับเมืองใหญ่ทั่วโลก