SHARE

คัดลอกแล้ว

เจจู: เสน่ห์ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และลมหายใจสุดท้ายของ ‘แฮนยอ’ อาชีพที่กำลังจะหายไปจากโลก

เวลากล่าวถึงเจจู (หรือที่หลายคนเรียกว่าเชจู) หลายคนอาจจะมีภาพจำที่ต่างกันไป ทั้งเป็นเกาะที่น่ารักเงียบสงบที่เต็มไปด้วยสวนส้มและต้นคามิเลีย ดินแดนหมูดำ ธรรมชาติ ทะเล ป่าเขา หรือว่าเป็นถิ่นฐานของ ‘แฮนยอ’ นักดำน้ำหญิง อาชีพที่กำลังใกล้จะเลือนหายไปจากโลกนี้ ภายในเวลา 4 วัน 3 คืนที่ เราได้ไปสำรวจหลากหลายแง่มุมของเกาะเชจู ทั้งความละมุนละไมของทิวทัศน์ ความอร่อยล้ำของอาหารท้องถื่น ความขมขื่นของประวัติศาสตร์ และความในใจของคนท้องถิ่นจากเกาะเจจู

การเดินทางครั้งนี้เราได้ร่วมเดินทางไปกับสายการบินสกู๊ต (SCOOT) สายกรบินราคาประหยัดในเครือของสิงคโปร์แอร์ไลน์ โดยบินด้วยเครื่อง  Airbus A320neo จากกรุงเทพไปจอดพักที่สิงคโปร์และเดินทางต่อไปเจจู และขากลับก็แวะพักสิงคโปร์เช่นกัน ซึ่งทำให้ทริปนี้คุ้มค่ากว่าเคยเพราะทริปเดียวแต่เราจะได้เที่ยวถึงสองประเทศแวะเช็คอิน ช้อปปิง ที่สนามบินชางงี หนึ่งในสนามบินที่ดีที่สุดในโลกด้วย ส่วนใครที่อยากเดินทางไปโซล สกู๊ตก็มีเที่ยวบินไปที่โซลเช่นกัน 

เจจู เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในเกาหลีใต้ เป็นเขตปกครองพิเศษที่มีภาษาถิ่นและวัฒนธรรมที่ต่างกับแผ่นดินใหญ่ ที่น่าสนใจที่เราเจอในทริปนี้คือการใช้คำว่า ‘ซัมชน’ (삼촌) ที่เรามักจะคุ้นเคยว่าเป็นคำเรียกอาผู้ชายในภาษาเกาหลี แต่ที่เจจู ซัมชนถือเป็นคำเรียกที่น่ารัก เราสามารถใช้คำว่าซัมชนได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลย ให้อารมณ์เหมือนเวล

าเราเรียกคุณลุงคุณป้าร้านที่เราเป็นลูกค้าประจำด้วยความเคารพ เช่น เวลาเรียกคุณป้าแฮนยอก็เรียกว่า ‘แฮนยอซัมชน’ เป็นต้น

สัมผัสธรรมชาติที่ 7 จุดเช็คอินถ่ายรูปที่ห้ามพลาดในเจจู

เจจูมีชื่อเสียงเรื่องธรรมชาติที่งดงามโดยมี สถานที่ท่องเที่ยวที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่าง อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ถ้ำหินลาวากอมุนโอลึม และ ยอดเขาซองซาน อิลชุลบง แต่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ และจุดเช็คอินน่าสนใจอย่าง

  • UNESCO World Heritage Center ที่จัดแสดงข้อมูลทั้งความงดงามและความสำคัญของธรรมชาติในเจจู ให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับมรดกทางธรรมชาติที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก 
  • เดินขึ้นยอดเขา Seongsan Ilchulbong หรือที่เรียกอีกชื่อกันว่า Sunrise Peak เป็นภูเขาไฟที่มอดดับไปแล้ว มีลักษณะเด่นที่ปากปล่องภูเขาไฟจะโค้งคล้ายๆ ชามที่บรรจุความเขียวขจีของต้นไม้ไว้ จากข้างบนจะมองเห็นวิวสวยๆ ของเกาะ และไม่สูงจนเกินไปสำหรับคนที่ไม่ออกกำลังกายเป็นประจำจะเดินโดยจากตีนเขาใช้เวลาขึ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมง 
  • Gwangchigi Beach ชายหาดที่มีน้ำทะเลใสสะอาดและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ โดดเด่นด้วยวิวของภูเขาซองซาน เป็นอีกจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยม
  • Saryeoni Forest Path เส้นทางเดินป่าที่เงียบสงบให้เราได้สัมผัสอากาศเย็น สูดกลิ่นป่า ถึงแม้ต้นไม้ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสนซีดาร์ แต่ก็มีต้นไม้ใหญ่อีกหลากหลายพันธุ์ให้ชม 
  • ถ้าใครอยากชิลก็ขอแนะนำ Hyeopjae Beach ชายหาดสีขาวสะอาดตา น้ำทะเลสีฟ้าคราม ตัดกับหินภูเขาไฟสีเข้ม และวิวของเกาะ Biyangdo เหมาะกับการถ่ายรูปมากๆ 
  • อีกมุมที่ถ่ายรูปสวยคือ Sinchang Windmill Coastal Road ถนนเลียบชายฝั่งที่มีวิวกังหันลมและทะเลแบบพาโนรามา สมกับที่เจจูเป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องลม ที่นี่มีกังหันลมเยอะมาก เพราะเจจูมีเป้าหมายที่จะเป็นเกาะไร้คาร์บอนที่ไม่พึ่งพลังงานจากการเผาเชื้อเพลิงฟอลสซิลให้ได้ภายในปี 2030 และกังหันที่เรียงรายเหล่านี้ก็เป็นสัญญลักษณ์ที่แทนความตั้งใจนั้นได้เป็นอย่างดี 
  • อีกจุดที่น่าประทับใจคือ Saebyeol Oreum ภูเขาไฟลูกเล็กปกคลุมไปด้วยดอกหญ้าที่เหมาะสำหรับการเดินเท้าขึ้นไปชมวิว 360 องศาของเกาะเจจู 

เรียนรู้วิถี ‘แฮนยอ’ นักดำน้ำหญิง อาชีพที่กำลังจะเลือนหายไปจากโลก 

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ‘แฮนยอ’ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเจจู โดย UNESCO ก็ขึ้นทะเบียนให้แฮนยอเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้วย 

ในประเทศท่ีขึ้นชื่อเรื่องชายเป็นใหญ่มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการเชิดชูว่าเป็นหญิงผู้สร้างเจจูขึ้นมาคือ ‘แฮนยอ’ การกล่าวถึงนักดำน้ำหญิงในบันทึกปรากฏขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 17 โดยคาดว่าอาชีพนี้ว่าเกิดจากการที่จำนวนนักดำน้ำชายลดลงเพราะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางทะเล หรือถูกเกณฑ์ไปรบ ทำให้ผู้หญิงต้องกลายมาเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว การทำอาชีพเสี่ยงตาย เพื่อเลี้ยงปากท้องไปจนถึงเศรษฐกิจของเกาะ ทำให้แฮนยอกลายเป็นสัญญลักษณ์ของความอดทนและแข่งแกร่ง และแม้ตระกูลจะยังถูกสืบทอดด้วยทายาทเพศชาย แต่อาจจะก็กล่าวได้ว่าแฮนยอก็เป็นสิ่งที่เข้ามาเจือจางแนวคิดนี้ในเกาะเจจูไปได้ไม่น้อย

เมื่ออยู่ในฤดูที่ล่าสัตว์น้ำได้ แฮนยอ จะดำน้ำลึกไปจับสัตว์น้ำโดยมีแค่ชุด หน้ากาก มีด และการกลั้นหายใจ เป็นอาวุธ พวกเธอสามารถดำน้ำแบบ free diving ลงไปลึกถึงประมาณ 10 เมตร เป็นเวลาหลายนาที แต่จะนานแค่ไหน ลึกเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของและลำดับขั้นของแต่ละคน ก่อนที่จะโผล่มาเกาะทุ่นโฟมเพื่อพักหายใจและทำซ้ำไปเรื่อยๆ นอกจากนี้แฮนยอแต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญในการจับสัตว์ทะเลต่างชนิดกันด้วย เช่นบางคนถนัดหาเป๋าฮื้อ หรือบางคนก็ถนัดหาหอยสังข์ 

จาการพูดคุยกับ ‘แฮนยอซัมชน’ ทำให้เรารู้ว่าสาวๆ รุ่นใหม่ไม่สนใจทำอาชีพที่ทั้งเสี่ยงและเหนื่อยยาก ทำให้จากอาชีพที่เคยได้รับความนิยมเพราะรายได้ดีจนสามารถซื้อบ้านตั้งตัวได้ แต่เมื่อวันเวลาและค่านิยมเปลี่ยนไป รวมไปถึงสภาวะโลกร้อนที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวน และสัตว์ทะเลมีจำนวนและคุณภาพลดลง และอายุที่มากขึ้น แฮนยอก็เลยรายได้ลดลงและความยากของการทำงานก็ทำให้กลายเป็นอาชีพที่ขาดผู้สืบทอด เพราะอย่างหมู่บ้านที่เราไปเยี่ยมเยือน แฮนยอน้องเล็กของหมู่บ้านก็อายุกว่า 60 ปีแล้ว แต่รัฐบาลและคนท้องถิ่นก็พยายามทำเต็มที่เพื่อรักษาวัฒนธรรมอันล้ำค่านี้ไว้ให้คนมาศึกษา โดยคุณป้าแฮนยอที่เราพบเล่าว่ารัฐบาลจะประกันราคาอาหารทะเลที่จับมาได้ และยิ่งแฮนยออายุมากขึ้นเท่าไหร่ ราคาต่อกิโลของอาหารทะเลที่จับมาได้ก็จะสูงขึ้นด้วย และบทความของ Korea Joong Ang ก็ระบุว่า เจจูตั้งใจจะเปลี่ยน อายุสูงสุดในการเข้าร่วมสมาคมหมู่บ้านชาวประมงจะเพิ่มขึ้นจาก 40 ปีเป็น 45 ปี และแฮนยอรุ่นใหม่ที่มีอายุ 40 ถึง 44 ปีจะได้รับกองทุนการตั้งถิ่นฐาน 500,000 วอนต่อเดือนเป็นเวลาสามปี 

และเพื่อรักษาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และเสียงลมหายใจหวีดหวิวที่เป็นเอกลักษณ์ของแฮนยอไว้ให้ผู้ที่มาเยือนและชนรุ่นหลังได้ฟังมีสองสองสถานที่น่าไปสำหรับผู้ที่สนใจ 

  • Hanyeo Museum ที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับแฮนยอ ผู้กล้าเผชิญทะเลลึกโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยหายใจ ด้วยเพียงลมหายใจเดียว พวกเธอก็สามารถดำน้ำลงไปล่าอาหารทะเลได้แล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของแฮนยอ ความสำคัญและบทบาทของแฮนยอบนเกาะเจจู รวมไปถึงความเคารพ และสายสัมพันธ์ลึกซึ้งที่พวกเธอมีกับกับทะเล ทุกเรื่องราวที่บันทึกอยู่ในพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยอารมณ์และความทรงจำของแฮนยอแห่งเกาะเจจู

แต่ถ้าพิพิธภัณฑ์ยังไม่จุใจพอก็มี Gimnyeong Haenyeo Village ที่เราจะได้สัมผัสชีวิตจริงของนักดำน้ำหญิง ไปดูห้องพัก พบปะพูดคุย แล้วเราได้ลองทำพิธีบูชาทะเลด้วยการเทเหล้าที่ท่าน้ำ และนำกระดาษห่อข้าวที่เขียนชื่อเราโยนลงทะเล แบบที่เหล่าแฮนยอจะทำก่อนเริ่มงาน แล้วถ้าวันไหนอากาศดีเราก็อาจจะได้ดูคุณป้าแฮนยอลงทะเลไปดำน้ำด้วย

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ พิพิธภัณฑ์และหมู่บ้านแห่งนี้เป็นอีกจุดที่สะท้อนความสำคัญของการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมและความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับทะเลได้เป็นอย่างดี

ประสบการณ์พิเศษจากคนท้องถิ่น และท่องเที่ยวแหล่งผลิตสินค้าคุณภาพจากชุมชน

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวและมรดกโลกต่างๆ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือผู้คน และการท่องเที่ยวที่นำโดยคนท้องถิ่นก็เป็นสิ่งที่เราสัมผัสถึงความน่ารักของคนเจจูได้ดีที่สุด

  • Dongbaek (Camelia Village) คามิเลีย หรือ ‘ทงแบค’ ถูกปลูกที่เจจูเป็นครั้งแรกในปี 1706 จนตอนนี้หมู่บ้านคามิเลียมีคามิเลียอยู่ถึง 90 ต้น นอกจากส้มที่เป็นของขึ้นชื่อของเจจูก็มีดอก น้ำมัน ผลิตภัณฑ์จากคามิเลียคุณภาพดีที่ส่งออกไปทำเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ 

ดอกคามิเลียจะบานรอต้อนรับนักท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ แต่ถ้าใครไปไม่ตรงดอกไม้บานก็ยังสามารถมาเก็บเมล็ดไปทำน้ำมันดอกคามิเลียเพื่อมาปรุงบิบิมบับที่กลิ่นหอมไม่เหมือนใครรับประทานได้ ทัวร์เก็บเมล็ดคามิเลีย และประสบการณ์การทำน้ำมันที่ Camelia Village จะนำโดยชาวบ้านเองและกำไรทั้งหมดก็จะกลับมาสู่ชุมชน

  • Scene of Jeju แบรนด์ที่นำโดยหนุ่มสาวชาวเจจูรุ่นใหม่ที่ทำผ้ามัดย้อมสไตล์เจจู ซึ่งเป็นศิลปะที่อยู่กับชาวเจจูมานาน เห็นได้จากเสื้อของชาวบ้านที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ผ่านการย้อมเพื่อที่จะทำให้เสื้อผ้าคงทนขึ้น เราได้เข้า workshop การทำเสื้อมัดย้อมคล้ายๆ ของบ้านเราจากดอกไม้ท้องถิ่นและเลือกซื้อสินค้าจาก Scene of Jeju
  • O’sulloc Tea Museum ถึงอันนี้จะไม่ได้เป็นประสบการณ์ที่นำโดยชาวบ้านแต่ก็เป็นสถานที่ๆ จะพลาดไม่ได้เพราะเป็นจุดที่เราจะได้ถ่ายรูปสวยๆ และ เรียนรู้เรื่องชาเขียวและวัฒนธรรมชาของเกาหลี พิพิธภัณฑ์นี้สร้างขึ้นโดยบริษัท Amorepacific Corporation นอกจากของเครื่องดื่มและขนมแล้วจะมีผลิตภัณฑ์จาก innisfree แบรนด์ในเครือที่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติจากเกาะเจจูนั่นเอง

แหล่งของกิน และคาเฟ่น่ารัก

เจจูเป็นเกาะซึ่งเป็นแหล่งอาหารทะเลชั้นดีมากมาย นอกจากทะลของขึ้นชื่อของที่นี่อีกอย่างก็คือหมูดำ และคาเฟ่น่ารักทั่วเกาะ แต่สามจุดที่อยากแนะนำให้ไปลองคือ

  • Myeongwol Elementary School คาเฟ่ที่ดัดแปลงมาจากโรงเรียนเก่าซึ่งปิดการสอนไปตั้งแต่ปี 1993 แต่ในปี 2018 สมาคมหมู่บ้าน Myeongwol-ri ในท้องถิ่นได้รับเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยเพื่อปรับปรุงและดัดแปลงโรงเรียนเป็นร้านกาแฟและแกลเลอรีโดยชื่อเดิมของโรงเรียนไว้ และรายได้ก็จะมอบให้ชุมชน ใครมาที่นี่ก็จะได้ถ่ายรูปและสัมผัสบรรยากาศแบบโรงเรียนย้อนยุค น่ารักไปอีกแบบ 
  • ตลาด Dongmun Market ตลาดเก่าแก่ที่คุณจะได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่น เช่น ของทอด อาหารทะเลสด และของฝากพื้นเมือง รวมไปถึงสารพัดของกุ๊กกิ๊กให้ซื้อเก็บเป็นที่ระลึกด้วย ร้านที่เราชอบเป็นพิเศษคือร้านเครื่องประดับจากลูกปัดที่อยู่ซ้ายมือทางเข้าตลาด คุณลุงอาจจะดุหน่อยเพราะห้ามเราจับสินค้าและถ่ายรูป (เพราะกลัวเรื่องการถูกลอกเลียนแบบสินค้าที่คุณลุงออกแบบเอง) แต่พอได้พูดคุยแล้วก็น่ารักมากๆ ค่ะ 
  • Black Pork Street แน่นอนว่าของดีประจำถิ่นอย่างหมูดำต้องมีแหล่งของตัวเอง ที่ Black Pork Street มีร้านหมูดำย่างเนื้อนุ่มที่มีรสชาติอร่อย เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงแบบเกาหลี อยู่หลายร้านให้เลือกลองเลยค่ะ

4 วัน  3 คืนผ่านไป เราได้สัมผัสเจจูในหลากหลายแง่มมุม และทำให้เห็นภาพเจจูที่ลึกซึ้งไปกว่าทะเลสวยๆ หรืออาหารทะเลคุณภาพเยี่ยม หากใครที่ชอบความหลากหลายทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมถึงอาหารอร่อยๆ และผู้คนที่น่ารัก เกาะเจจูเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจและจะประสบการณ์ที่ต่างออกไปจากพื้นที่อื่นของเกาหลีอย่างแน่นอน 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า