เจ้าของแจ้งจับนิติบุคคลนำสุนัขที่กัดลูกบ้านไปปล่อย

องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ แจ้งจับนิติบุคลนำสุนัขของลูกบ้านไปปล่อยจนถูกรถชนตาย ขณะที่นิติบุคคลบอกลูกบ้านร้องเรียนให้จัดการหลังเจ้าของเลี้ยงแบบปล่อยจนกัดลูกบ้านคนอื่นไปแล้ว 3 ราย

วันที่ 3 ก.พ. เวลา 15.30 น. นายพีระบุญ เจริญวัย ประธานองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ หรือ The Hope Thailand พา น.ส.จารยาพร หมายมั่น อายุ 45 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สุธาดา ศรีสุวงศ์ รอง สว.สอบสวน สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ หลังจากสุนัขที่เลี้ยงไว้ถูกเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของคอนโดฯ แห่งหนึ่ง ย่านบางปู จับใส่กรงก่อนนำไปปล่อยทิ้งไว้ย่านนิคมบางปู ต่อมาพบว่าสุนัขตัวดังกล่าวถูกรถชนตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ วันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา

น.ส.จารยาพร กล่าวว่า สุนัขตัวดังกล่าวเป็นสุนัขเพศเมีย อายุประมาณ 7-8 ปี ชื่อ “เจ้านวล” ซึ่งตนเองเก็บมาเลี้ยงได้ 1 ปี ภายหลังจากเจ้าของคนเดิมทอดทิ้งไว้บริเวณคอนโด ระหว่างเลี้ยงเจ้านวลก็จะอาศัยอยู่บริเวณใต้ตึกของคอนโดจนตนเองเกิดความผูกพัน ทั้งนี้ตนเองก็ยอมรับว่าเจ้านวลก็เคยไปกัดคนที่พักอาศัยอยู่ในคอนโด แต่ตนเองก็รับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น

ช่วงปีใหม่ตนเดินทางกลับต่างจังหวัดและฝากเจ้านวลไว้กับเพื่อนที่อาศัยอยู่คอนโดเดียวกัน จนเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนของตนเองได้โทรไปบอกว่าทางนิติบุคคลจับเจ้านวลไปขังไว้ในกรงเนื่องจากพบว่าไม่มีเจ้าของ ระหว่างนั้นเพื่อนของตนเองได้เข้าไปติดต่อและแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของแทนแล้ว แต่ทางนิติบุคคลไม่ยินยอม โดยแจ้งว่าจะจัดการเองตามขั้นตอน และต่อมาแจ้งว่านำไปปล่อยย่านนิคมบางปูซึ่งหางจากคอนโดประมาณ 1 กม.

น.ส.จารยาพร กล่าวต่อว่า หลังตนทราบเรื่อง จึงได้เดินกลับมาจากต่างจังหวัดและได้พยายามตามหาเจ้านวลตามจุดที่ทางเจ้าหน้าที่นิติบุคคลบอก แต่ก็หาไม่เจอ จนมีคนแจ้งว่าพบเจ้านวลวิ่งอยู่ย่านถนนแพรกษา ซึ่งห่างจากคอนโดประมาณ 10 กม.ตนจึงได้รีบมาตามหาแต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด เมื่อเข้าไปสอบถามชาวบ้านที่อยู่ละแวกดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมกับนำรูปเจ้านวลให้ดู จนได้ความว่าเจ้านวลได้ถูกรถชนตายแล้ว มีคนนำซากห่อใส่กระสอบไปทิ้งไว้ป่าหญ้าย่านถนนแพรกษา ตนได้เข้าไปดูตามที่ชาวบ้านบอก และพบว่าเป็นเจ้านวลจริง จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งขอความช่วยเหลือจาก องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ หรือ The Hope Thailand

ด้านนายพีระบุญ เจริญวัย ประธานองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ หรือ The Hope Thailand กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับการร้องเรียนตนเองจึงได้เดินทางเข้ามาดู พร้อมกับนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เนื่องจากทราบว่า ทางนิติบุคคลนั้น นำสุนัขไปปล่อยในขณะทางเจ้าของนั้นไม่ยินยอมและไม่ได้แจ้งแต่อย่างใด ซึ่งทางนิติบุคคลนั้นอาจจะมีเหตุผลว่าสุนัขอาจจะไปกัดคนหรือสร้างความรำคาญให้คนอื่น แต่การปล่อยสัตว์มีความผิดอยู่แล้วคือข้อหา การทารุณกรรมสัตว์ ถึงแม้สุนัขจะไปกัดใครก็ตามต้องมีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวของเข้ามาดูตามขั้นตอน ไม่ใช่จู่ๆ จะเอาไปทิ้งเลย ขณะเดียวกันสุนัขตัวดังกล่าวก็มีเจ้าของจึงทำให้เชื่อมโยงไปถึงการลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ด้วย

ขณะที่เจ้าหน้าที่นิติบุคคลของโครงการดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า สุนัขตัวดังกล่าวกัดลูกค้าที่พักอยู่ในโครงการมาแล้ว 3 คน ทั้งหมดนิติบุคคลก็ได้มีการจ่ายเงินค่ารักษาไปแล้ว จนลูกค้าเกิดความหวาดกลัวว่าสุนัขจะไปกัดคนอื่นอีก จึงได้มาแจ้งทางนิติบุคคลให้แก้ปัญหาและไปจับไปที่อื่น ซึ่งนิติบุคคลเองก็ต้องดำเนินการให้กับลูกค้าตามที่แจ้ง จึงได้จับสุนัขตัวดังกล่าวมาใส่กรงไว้เพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้น ด้วยเกรงว่ากลัวจะมีการนำสุนัขไปปล่อยในโครงการอีก สุดท้ายจึงได้นำไปปล่อยนอกโครงการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไล่กัดคน

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไมได้แจ้งขอหากับใคร เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนพยานแวดล้อมและรวบรวมหลักฐาน