เจ้าคณะฯ จี้นำคนแต่งเป็นพระมารับผิดต่อสังคม ด้านชาวพุทธต่อต้านแรง

ประเด็นคือ- เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เรียกร้องให้มีการดำเนินการกับวงดนตรีแต่งกายเป็นพระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. วันนี้ (24 เม.ย. 61) จากการที่มีการเผยแพร่คลิปการแสดงดนตรี โดยมีนักร้องชายแต่งกายในชุดคล้ายกับพระสงฆ์ และมีแดนเซอร์เต้นอยู่บนเวที ทำให้มีการนำเสนอในเพจต่างๆ และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ทราบต่อมาภายหลังว่าเป็นการแสดงดนตรีวงทอมดี้ มิวสิค จ.พิจิตร ในงานอุปสมบทงานหนึ่ง โดยในภาพเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นการแสดงที่ จ.กำแพงเพชร โดยการแสดงมีการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ดังเกี่ยวกับพระสงฆ์

ในเรื่องนี้ พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา และเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้เห็นคลิปดังกล่าวเผยแพร่กันอยู่ในโลกโซเชียล รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากการแสดงดังกล่าวมีการแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ถือว่าเป็นการดูหมิ่นพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังทำให้เสื่อมเสีย

โดยผู้ที่ปฎิบัติเช่นนี้ น่าจะมีความคิดว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และเครื่องแต่งกายที่สวมใส่นั้น เป็นของสมณเพศที่ผู้คนให้ความศรัทธาและเลื่อมใส ผู้ที่สวมใส่จะต้องเป็นผู้ทรงศีลและเป็นนักบวชจริงๆ ดังนั้นการแต่งกายนี้ถือว่ามีความผิดในการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องแบบเฉพาะ และยังเป็นการสร้างความเสื่อมเสียด้วย ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะทำการตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หรือหากไม่ดำเนินการก็ขอให้ออกมาขอโทษสังคมด้วย

ล่าสุดพบว่า ทางเจ้าของวงดนตรีดังกล่าว ได้มาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กที่มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวแล้ว โดยขอโทษเจ้าภาพ และจะให้ทางวงทำอย่างไรต่อไป เนื่องจากไม่ใช่ความผิดของเจ้าภาพ อีกทั้งทางนักร้องเห็นว่าเป็นงานบวชและร้องเพลงเกี่ยวกับสงฆ์จึงได้นำมาแต่ง ซึ่งปรากฏว่า แม้จะมีการโพสต์ข้อความแล้ว กระแสต่อต้านของประชาชนก็ยังไม่ลดน้อยลง

ด้านนายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ได้เคลื่อนไหวต่อต้านการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งโพสต์ว่า “ความเลว !!! ที่ไร้ขีดจำกัด สัตว์นรก !!! ที่มาเกิด เลวทั้งคนร้อง เลวทั้งแดนซ์เซอร์ เลวทั้งเจ้าของสถานบันเทิง

“เห็นสำนักพุทธ ฟ้องมหาเถรสมาคม ทั้งที่โดยหน้าที่แล้ว ต้องปกป้องท่านเราจะขอดูว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะทำหน้าที่ที่สมควรทำหรือไม่อย่างไร จะดูว่า เอาคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ จะดูว่า กฎหมายที่มีอยู่ จะเล่นงานได้มากน้อยแค่ไหน จะรอดูความยุติธรรมว่าประเทศนี้มีความยุติธรรมขนาดไหน เพราะนี้คือการหยามเหยียดชาวพุทธ
นี้คือ ความเลวโดยสันดาน ของคนที่แสวงหาผลประโยชน์ นี้คือ ความเลวของคนที่อยากดัง

“กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 ว่าด้วยเรื่องปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่ระบุว่า มาตรา 67 รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการ ป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชน มีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย
“และกฎหมายอาญามาตรา 206 และ มาตรา 208 มาตรา 206 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, มาตรา 208 ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายแสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่น เชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“เบื้องต้น เราจะรอดูว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะสามารถจับเอาผิดคนนี้มาลงโทษได้หรือไม่ หรือจะหาเรื่องเล่นงานแต่พระจริงเท่านั้น จะรอดู

“ผนึกกำลังชาวพุทธ หยุดภัยคุกคาม
We Are Buddhists
พวกเราคือชาวพุทธ

นายกรณ์ มีดี
เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย
23 เม.ย.61