Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ – จากคดีที่ “พระราชรัชมุนี” เจ้าอาวาสวัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ สวมบัตรคนตาย ปลอมแปลงสัญชาติ ล่าสุดเข้ามอบตัวรับทราบข้อหาแล้ว ยันตนเป็นคนไทย  แต่บ้านเกิดอยู่ในชุมชนที่มีการตกหล่นจากระบบทะเบียนราษฎร

จากกรณีเจ้าพนักงานปกครอง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้าแจ้งความกับ สภ.แม่อาย ให้ดำเนินคดีกับ พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ หลังพบหลักฐานมีการสวมบัตรคนตายและปลอมสัญชาติไทยตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (30 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจรับแจ้งความก็รวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกหมายเรียก พระราชรัชมุนี มาพบพนักงานสอบสวน แต่ล่าสุด พ.ต.อ.ก่ำแก้ว สุยาติ ผกก.สภ.แม่อาย ได้รายงานเข้ามาว่า พระราชรัชมุนี พร้อมทนายความ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา และรับทราบข้อหา ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และหลักฐาน แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการหรือเอกสารมหาชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

เบื้องต้นพระราชรัชมุนีได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่าตนเป็นคนไทยแน่นอน แต่บ้านเกิดอยู่ในชุมชนที่มีการตกหล่นจากระบบทะเบียนราษฎรของทางราชการ ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดท่าตอน และจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าตอน ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ได้มีพระผู้ใหญ่ชื่อ “หลวงพ่อถวัลย์” จำวัดอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพฯ ปัจจุบันได้มรณภาพไปแล้ว เป็นคนดำเนินการนำบัตรประชาชนซึ่งมีชื่อตรงกับของตนเองทุกอย่างมาให้ และแจ้งชื่อขอเข้าทะเบียนบ้าน ซึ่งตนเองไม่มีส่วนรู้เห็น ต่อมาวันที่ 24 เม.ย. 2552 ตนจึงมายื่นขอทำบัตรประจำตัวประชาชนต่อนายทะเบียน อ.แม่อาย เนื่องจากทราบว่าทางราชการได้ให้พระภิกษุสามเณรต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน จึงทำไปและไม่รู้เรื่องอื่นใดเลย หลังการสอบสวนปากคำ ทางตำรวจจึงได้ปล่อยตัวไป

หลังการสอบสวนปากคำ ตำรวจก็ได้เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจหารหัสพันธุกรรม และประสานตำรวจ สภ.ภูเขียว ให้ดำเนินการหาหลักฐานและสอบปากคำพยานที่บ้านของ ด.ช.ดวงดี มาประกอบสำนวน และยังต้องเรียกปลัดอำเภอในสมัยนั้นที่เป็นผู้ดำเนินการและพยานอื่นๆ มาสอบปากคำ พร้อมเร่งสรุปสำนวน ส่วนใครจะผิดถูกก็ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน เมื่อสอบถามพระราชมุนีว่าหลังเกิดเรื่องได้หายไปไหน ท่านก็ตอบว่าไม่ได้ไปไหน อยู่แต่ที่วัดสวนดอก ซึ่งหากมีความคืบหน้าในคดีหรือจะสอบปากคำเพิ่มเติม ทางตำรวจก็จะติดต่อไปที่วัดหรือเบอร์ตรงของเจ้าอาวาสต่อไป

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า