
เล้งซิ๊ง (เทพมังกร)
ในยุทธจักรของวงการเครื่องกระดาษไหว้เจ้า มักมีจอมยุทธ์หลบซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอยต่างๆ บางท่านไม่เปิดเผยตัวตน ไม่เปิดเผยชื่อ ทั้งที่ผลิตผลงานรับใช้ความต้องการของผู้คนมากมาย อาจเป็นเพราะผู้คนไม่ให้คุณค่าความสำคัญ มิหนำซ้ำบางคนมองด้วยสายตาเย้ยหยัน เห็นเป็นเพียงแค่เทวรูปกระดาษที่ทำตามกันมาเท่านั้น หากมองในมุมของงานหัตถศิลป์แล้ว ผลงานเหล่านี้กลับทรงคุณค่ายิ่ง แม้จะมีอายุเพียงไม่กี่วัน ก็ต้องนำเข้าสู่เปลวเพลิง ส่งผู้วิเศษเหล่านี้ไปสู่ภพภูมิต่างๆ ตามความเชื่อของชาวจีน
ใครกันคือผู้เสกกระดาษธรรมดา ให้เป็นสมมติเทพ ตัดปะกระดาษให้มีเรื่องราวสำหรับใช้ในพิธีกรรมมานาน

อาแปะ เป็งกี
เป็งกี แซ่เตีย อาแปะวัย 83 ปี เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานมายาวนานกว่า 50 ปี เสกกระดาษเป็น เทพเจ้า เซียน ยมทูต คนรับใช้ รวมถึงบรรดาสัตว์ต่างๆ โดยแทบไม่มีใครทราบว่าเขาคือผู้สร้างสรรค์งานกระดาษเหล่านี้
อาแปะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลด้วยเรือ หนีความยากจนข้นแค้นและภัยสงครามโลก ลาจากเมืองซัวเถามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 12 ติดตามบิดาไปรับซื้อขวดอยู่หลายปี จากนั้นไปขอฝึกฝีมือ โดยทำงานวาดฉากอยู่ที่โรงงิ้ว ยอมทำงานให้ฟรี ขอแลกกับอาหารและความรู้ ทำได้ช่วงหนึ่งก็ไปทำงานก่อสร้าง(ศาลเจ้า) ยอมเหนื่อยยากเพื่อแลกข้าวประทังชีวิต หากมีเวลาจะไปทำงานที่โรงหนังสินฟ้า(เยาวราช) เพื่อสร้างหุ่นจำลองหน้าโรงหนัง ความจนเป็นพลังขับเคลื่อนให้หาหนทางต่อสู้ จากนั้นไปทำงานกับร้านทำเครื่องกระดาษไหว้เจ้า เพราะตอนเด็กๆเคยฝึกทำอยู่ที่ประเทศจีน จึงมีพื้นฐานการทำงานในด้านนี้ ฝึกวิชาทำเครื่องกระดาษจนวรยุทธ์แกร่งกล้า เป็นที่รู้จักของคนในวงการ จึงร่ำลาออกมาสร้างผลงานของตัวเอง แค่มีเพียงไม้ไผ่ กระดาษ และกาวแป้งเปียก สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเหลือเชื่อ สมกับเป็นยอดฝีมือของวงการ
กว่าจะได้รับความเชื่อถือจากลูกค้า ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน เมื่อใดที่ลูกค้าโทรศัพท์มาสั่งออเดอร์ อาแปะจะสร้างสรรค์ผลงานขึ้นและนำไปส่งตามร้านต่างๆ ผลงานของอาแปะเป็งกี มักใช้ในงานเทศกาลกินเจ งานทิ้งกระจาด และงานกงเต๊ก

ม้าทอง
ผลงานหุ่นกระดาษมีหลายสิบอย่างที่ผลิตออกมา ตามแต่ลูกค้าจะสั่ง ด้วยความสวยงามที่ไม่มีใครลอกเลียน จึงนับเป็นผลงานชั้นครู ในวงการล้วนเคารพนับถือ จึงมีผู้ประกอบการบางรายมาขอซื้อโนว์ฮาวให้สอนเคล็ดลับการผลิตสินค้าบางอย่าง เพื่อนำไปทำมาค้าขาย อีกทั้งสไตล์และรูปแบบผลงานของอาแปะ ยังกลายเป็นต้นแบบต่อคนรุ่นหลังอีกด้วย
ประพันธ์ เผ่ามานะเจริญ (เฮียเล็ก) เป็นลูกค้าของอาแปะมานานหลายสิบปี กล่าวถึงผลงานของอาแปะไว้ว่า
“ในฐานะของคนในวงการ ต้องบอกว่าผลงานของเค้า ถือว่าสุดยอด ในแถบเอเชียด้วยกัน การทำหุ่นแบบนี้ไม่มีใครสู้ได้ ขนาดชาวไต้หวันมาเจอ ยังชมว่าสุดยอดจริงๆ นอกจากอาแปะก็ไม่มีใครทำได้ ที่ทำยากสุดน่าจะเป็น 12 ราศี บางตัวหน้าเป็นหนู บางตัวเป็นไก่ เป็นมังกร ครบ12ราศี แกทำออกมาสวยมาก

หลี่เจี้ยง
งานของเค้าจะอ่อนช้อย งดงาม อย่างตัวหลี่เจี้ยง มือจะดูนุ่มนวล ดูเป็นมือ เหมือนจริงทุกอย่าง มือข้างหนึ่งถือโซ่ ล่ามคล้องเอาไว้ ใบหน้ามีจินตนาการดูมีชีวิต ส่วนคิ้วให้ความรู้สึก อย่างปากจะแล่บลิ้นยาว สื่อความหมายว่าไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว มืออีกข้างถือป้าย คือถ้าดูเป็น แต่ละองค์จะมีความหมาย มีหน้าที่“ ประพันธ์กล่าว
ส่วนจีรวัฒน์ เอื้อบำรุงพงษ์ (คกเท้า) ผู้เคยร่วมงานกับอาแปะมาตั้งแต่วัยรุ่น ได้กล่าวถึงฝีมือของนักเสกกระดาษไว้ว่า
“เป็งกีเจ็ก เป็นคนเก่งมาก หาตัวจับยาก หาไม่มีแล้ว ผมยังนับถือเค้าเลย ฝีมือดีมาก ดีกว่าอาจารย์ผมอีก จะทำงานออกไปทางเครื่องกระดาษกงเต๊ก เราทำคนละแบบกัน เค้าฝีมือดีมาก“ จีรวัฒน์ ออกความเห็น
มองผิวเผินอาจดูเหมือนง่ายๆ ทว่าหลายคนที่อยู่ในวงการยังต้องล้มเลิก เพราะทำได้ไม่ดี ทั้งที่แค่ขึ้นโครงไม้ไผ่ จากนั้นก็ตัดและปะกระดาษ วาดหน้าตาเท่านั้น ทำไมใครต่อใครถึงทำไม่ได้ ชาวต่างชาติต้องมาสั่งทำ หากไม่ใช่ฝีมืออันเยี่ยมยุทธ์แล้ว คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้

เทพงู
เตียเป็งกีเป็นผู้นฤมิตงานกระดาษมานานหลายทศวรรษ จนมือเริ่มสั่นเทา ด้วยร่างกายที่ชราภาพ นักเสกกระดาษที่มากด้วยวรยุทธ์จึงยุติบทบาทตัวเองลง มาถึงวันนี้วิชาเสกกระดาษกำลังสูญหาย เพราะไม่มีผู้สืบสานต่อ ความงามของหุ่นกระดาษเหล่านี้ จึงกลายเป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น

ปั๊กเต้า (ดาวเหนือ)

น่ำซิ้ง (ดาวใต้)

แป๊ะกง

ไคโหล่วซิ้ง

โค่วกัว

นกทอง