“เนอสเซอรีผิดกฎหมาย” ภัยคุกคามเด็ก

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในเด็ก แนะนำวิธีเลือกเนอสเซอรีปลอดภัยและเหมาะสมกับพัฒนาการเด็ก ขณะที่ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของลูกหลาน ควบคู่สังเกตพฤติกรรมและอารมณ์ผู้ดูแล

วันที่ 4 พ.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่มารดาของเด็กวัย 11 เดือน ที่เสียชีวิตภายในเนอสเซอรี ในจังหวัดสมุทรปราการ ยืนยันรอผลการตรวจพิสูจน์จากโรงพยาบาล ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เชื่อว่าลูกเสียชีวิตไม่ใช่อุบัติเหตุ ส่วนเจ้าของเนอสเซอรีดังกล่าวหลบหนีไปแล้ว

เป็นเวลา 10 วันแล้ว ที่ นางสาว วราลี เสริมจันทร์ มารดาของ เด็กชาย จตุภัทร วรศาสตร์ อายุ 10 เดือน หรือ น้องนาวา ที่เสียชีวิตภายใน เนอสเซอรีครูอ้อ จังหวัดสมุทรปราการ รอผลการตรวจพิสูจน์จากโรงพยาบาลสมุทรปราการในวันจันทร์หน้า เพราะเธอเชื่อว่าไม่ใช่เป็นเพราะอุบัติเหตุผ้าห่มปิดจมูก ทำให้บุตรชายขาดอากาศหายใจ ตามคำกล่าวอ้างของคนเลี้ยงเด็ก

และเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จึงยังไม่ทำพิธีฌาปนกิจ 

นายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน บอกว่า จากการตรวจสอบพบว่า เนอสเซอรีครูอ้อ เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กผิดกฎหมาย และขณะนี้ได้ปิดทำการแล้ว ส่วนเจ้าของเนอสเซอรีดังกล่าว ขณะนี้ยังตามตัวไม่ได้

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล ระบุว่า เด็กใน 3 ปีแรกควรได้รับการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดจากคนในครอบครัว แต่ในบางกรณีที่ผู้ปกครองจำเป็นต้องฝากเลี้ยงไว้กับเนอสเซอรี นอกจากพิจารณจากใบอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กแล้ว ควรตั้งข้อสังเกตถึงความปลอดภัยต่อร่างกาย สุขภาพ และเหมาะกับพัฒนาการเด็ก

เช่น ความสะอาดของสถานรับเลี้ยงเด็ก มีกิจกรรมและเครื่องเล่นที่เอื้อต่อการเรียนรู้ รวมทั้งครูและผู้เลี้ยงดูเด็ก ต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม มีความรู้ในการดูแลเด็ก รวมทั้งวุฒิภาวะทางอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องอาศัยการสังเกตและติดตามร่วมด้วย

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ เสนอว่า ภาครัฐควรให้การลงทุนและสนับสนุนสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือครอบครัวทดแทนในระดับชุมชน ให้ได้มาตรฐานและความปลอดภัย เพื่อลดช่องว่าง และแก้ปัญหาให้ครอบครัวที่มีเด็กเล็กและมีรายได้น้อย ให้เข้าถึงเนอสเซอรีหรือผู้ดูแล พร้อมลดปัญหาเนอสเซอรีเถื่อนได้อีกทางหนึ่ง