Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

นักการเมืองหญิงที่เคยทำหน้าที่เป็น “รองโฆษกรัฐบาล” ปี 2544 ยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร, อดีต ส.ส. เขต 10 กทม. หายหน้าไปจากวงการการเมืองไทยตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร ปี 2549 ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กลับเข้าสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้ง ในสังกัดใหม่ “พรรคประชาชาติ” รั้งเก้าอี้ “รองหัวหน้าพรรค” ดูนโยบายการศึกษาและสังคม

ทำไมถึงกลับมาเป็นนักการเมืองและเลือกพรรคประชาชาติ

ดร.ณหทัย เล่าว่า มี 3 เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจกลับเข้าสู่วงการการเมืองอีกครั้ง เหตุผลแรก คือ ในฐานะที่เป็น “ครู” อยากเป็นตัวอย่างที่ดีในแง่ของ “ประชาธิปไตย” เหตุผลที่สอง เพื่อเข้ามาผลักดัน การเรียนการสอนภาษาอังกฤษของเด็กไทย ที่ได้ทำโครงการร่วมกับประเทศแคนาดา สร้างวิธีการเรียนรู้ใหม่ให้กับ เด็กนักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (9 โรงเรียนสังกัด สพฐ. , 6 โรงเรียนสังกัด อปท.) รวมเวลากว่า 10 ปีแล้ว และเหตุผลสำคัญ คือ ความเชื่อในทฤษฎี “พหุปัญญา” ดึงจุดเด่นของมนุษย์ เคารพในความแตกต่าง

ชูนโยบายด้านศึกษาในศึกเลือกตั้งครั้งนี้

เราเชื่อมั่นว่า เทคโนโลยี จะเข้ามาช่วยลดช่องว่าง ของการพัฒนาครู และการต่อยอดทางการศึกษา การใช้แอพพลิเคชั่นเข้ามาช่วย ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น โรงเรียนตชด.ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครู คือ ตำรวจ เขาต้องไปต่อยอดวิชาความรู้ เทคนิคที่จะสอนเด็ก จะต้องมีการพัฒนาอย่างมืออาชีพ professional development  จริงๆ แต่ครูต้องอยู่ในโรงเรียน ดังนั้นการสื่อสารต่างๆ ต้องเข้าถึง พรรคเราให้ความสำคัญเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาสเป็นรัฐบาล หรือ รัฐบาลร่วม จะต้องผลักดันเทคโนโลยีให้เข้าถึงโรงเรียนมีวิดีโอคอล, กระจายการอบรมออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลเทคโนโลยีที่เสถียรต้องเข้าถึง แม้ต้องลงทุนที่เยอะ แต่ในระยะยาวคุ้มค่ามากกว่า เพื่อแก้ปัญหาครูต้องทิ้งโรงเรียน ทิ้งเด็ก

ขึ้นเงินเดือนครูยกเลิกดอกเบี้ย กยศ.เรียนฟรีถึงมหาวิทยาลัย

ส่วนตัวอยากผลักดัน เรื่องการเรียนครูที่ถกเถียงกันว่า ควรเรียน 4 ปี หรือ 5 ปี แต่คิดว่า คนเป็นครูต้องมีแววมาตั้งแต่ “มัธยม” ให้เป็นวาระแห่งชาติ ทุกโรงเรียนมองหาคนที่มีแววเป็นครูแล้วให้ทุนการศึกษาระยะยาว เราจะได้คนที่เกิดมาเพื่อเป็นครู รักและหวังดีกับเพื่อนมนุษย์ ซึ่งคือหัวใจของความเป็นครูอย่างแท้จริง สำหรับการ “ขึ้นเงินเดือนครู” เรื่องสวัสดิการต่างๆ ที่จะดึงดูดคนเก่งที่มีหัวใจของความเป็นครู เข้ามาทำอาชีพนี้ เป็นนโยบายของพรรคที่สนับสนุนอยู่แล้ว

นโยบายยกเลิกดอกเบี้ย กยศ.  “กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา” กองทุนมีเพื่อคนไม่มีโอกาส แต่จริงๆ แล้ว การศึกษาฟรี จริงฟรีๆ ควรมีกองทุนที่ไม่คิดดอกเบี้ย เพราะคนที่จะกู้ต้องไปหาคนค้ำประกัน การจนจริงๆ จะกู้อย่างไร มันซับซ้อนมาก เราต้องช่วยให้คนจนไม่ต้องทุรนทุรายที่จะให้ลูกมีการศึกษา ตรงนี้เราต้องแก้ที่องค์รวม ต้องช่วยให้พ่อแม่เขามีอาชีพ ให้เด็กที่เรียนจบแล้วมีงานทำให้เขามีพลังพอ ถ้าจะต้องใช้คืนทุนโดยตัดดอกเบี้ยออกไป พรรคเรามีคนที่เคยทำกองทุนหมู่บ้าน ผู้จัดการธนาคารเอสเอ็มอี พร้อมลุยแก้ปัญหา เพราะเราเป็นพรรคเล็กด้วยคุยกันเอาพลังสมองมารวมกันแก้ปัญหา

ขณะที่ นโยบายเรียนฟรี ถ้าเราจะให้เรียนฟรีตั้งแต่ประถมถึงมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยทำได้ง่าย ด้วยระบบออนไลน์จะทำให้เป็นเครดิตแบงก์ เทคคอร์สกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศก็ได้ อยู่ที่การจัดการ เรื่องเรียนฟรีไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องจัดการองค์รวม แล้วเรามีการสอบมากเกินไปหรือไม่ ความไม่ยุติธรรมเกิดจากการสอบมากมายก่ายกอง เด็กจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย 1 คน อย่างน้อยๆ ต้องมีเงินสมัครสอบ 1 คน 10,000 บาท ถึงเป็นหนี้กัน

สอนเด็กไทยให้ไม่กลัวการพูดภาษาอังกฤษใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เป็น

เรื่องภาษาอังกฤษ ตัวเองก็ไปใช้ได้จริงๆ ตอนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา เพราะอยู่ในสภาพดิ้นรนต้องอยู่รอด เด็กไทยต้อง สอนเด็กว่า อายในทางที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องที่ผิด แล้วทำผิดเพื่อเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้องในวันข้างหน้า แต่ถ้าทำผิดโดยไม่สร้างให้ใครเดือดร้อน ก็สามารถลองผิดลองถูกได้ เพราะนั่นคือ ชีวิต

เรียนภาษาอังกฤษต้องเริ่มให้พูดตอบโต้ 5 ปีแรก ชั้นอนุบาล ถึง ป. 3 เน้นพูดคุย ต่อมา เริ่มเขียนตอน ป. 3 และอ่าน ป.4 ทักษะการเขียน การอ่านจะมาเองเพราะเขามีความสุขที่จะเรียนแล้ว หลายครั้งไปพบเด็กที่เกลียดภาษา เพราะหลายคนที่ไม่ได้เกิดมาที่จะชอบท่องจำ แต่ถ้าเริ่มทุกวิชาด้วยการท่องจำ บางคนสมองเขาอิสระ คิดนอกกรอบ ซึ่งเด็กมีศักยภาพที่เดินไปข้างหน้าได้เร็ว ส่วนเด็กท่องจำอาจใช้เวลา

ส่วนภาษาคอมพิวเตอร์ หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) จริงๆ คือการสอนให้เด็กรู้จักเหตุและผล จะเขียนโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ เด็กต้องรู้ว่า อะไรเป็นอะไรแล้วทำไมถึงเกิดสิ่งนี้สิ่งนั้นขึ้นมา เรียนรู้ตรรกะ หลักการตรงนี้จะนำไปวิเคราะห์เหตุการณ์ทั้งหมดได้ ไม่จำเป็นต้องเด็กสายวิทย์ สายศิลป์ก็เรียนได้ วิธีการเรียนการสอนก็ง่ายขึ้นแล้ว

อย่างดูข่าววันนี้นักการเมืองคนนี้พูดอย่างนี้ สัปดาห์ก่อน เดือนก่อนเขาพูดอย่างไร ทำไมเหตุการณ์วันนี้เป็นอย่างนี้ เด็กจะมีกระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์กับเหตุการณ์ต่างๆ เป็น

“ปากท้องประชาชน” ต้องมาก่อน “ปากท้องนักการเมือง”

นโยบายสำคัญของพรรค คือ แก้ปัญหาสภาพหนี้โดยรวมของแผ่นดิน ที่เวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสภาพคล่อง ต้องช่วยกระตุ้นอาชีพในระดับฐานราก ติดอาวุธความรู้ ปรับเทคโนโลยีทั้งประเทศ เช่น พี่น้องชาวประมงมีทั้งหมดกี่ราย มีปัญหาอะไรบ้าง มีตลาดรองรับตรงไหน ต้องมีข้อมูลตรงนี้สำหรับกระทรวงต่างๆ ที่จะนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาให้ถูกจุด เรื่องค่าแรง ก็จะพิจารณาขึ้นให้เพราะเห็นใจผู้ใช้แรงงาน แต่ต้องต่อยอดฝีมือให้เป็นแรงงานคุณภาพตามค่าแรงที่ปรับขึ้นให้ด้วย ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะเราไม่เห็นด้วยกับการ “แจก”

ทุกสายแรงงาน การศึกษาตลอดชีวิต สร้างระบบการเรียนรู้แบบออนไลน์ ปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เทคโนโลยีรวดเร็วว่องไว ต้องทำงานร่วมมือกันตระหนักตลอดเวลา ทุกวันต้องให้มีความคืบหน้า คิดว่า รัฐบาลใหม่ต้องทำงานแบบนี้แล้วยกการต่อรองอำนาจทางการเมืองของคนภายในพรรคออกไปเลย ต้องมุ่งหวังให้กับประเทศชาติเป็นหลักก่อน และพี่น้องประชาชาชนที่วันนี้ทั้งเป็นหนี้ ขาดรายได้บางคนต้องปิดกิจการไปในช่วง 4-5 ปี อันนี้เรื่องปากท้องประชาชนต้องมาก่อนปากท้องของคนในพรรค หรือในรัฐบาล

“ไม่เห็นด้วยกับการแจก ไม่ใช่แก้ปัญหา สร้างนิสัยแบมือ ต้องจัดกองทุนให้เขาบริหารจัดการ ไม่มีระบบที่ใช่ ต้องปรับไปตามโซน ไว้ใจกระจายสร้างความยั่งยืน ไม่ใช่รายหัวแล้วจบ ถามว่า 500 บาท 1,000 บาท คิดยาวๆ อย่าคิดแค่เอาชนะตอนนี้จะได้เสียง แค่นี้เขารับแต่เขาไม่เลือกคุณหรอก 4 ปีพิสูจน์อะไรได้เยอะ”

การหาเสียงในยุคสื่อออนไลน์ ความได้เปรียบเสียเปรียบพรรคใหญ่, เล็ก, เก่า, ใหม่

ต้องทำควบคู่กันไปทั้งการใช้สื่อออนไลน์ และลงพื้นที่ไปพบประชาชน ความจริง ความซื่อสัตย์ คุณธรรม ความจริงใจ” เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแค่เราลงพื้นที่สัมผัสประชาชน แค่จับมือประชาชนก็รู้สึกได้ หรือจะออกสื่อออนไลน์ความจริงเท่านั้นที่จะอยู่

“พูดง่ายๆ อยากให้ทุกคนสวมหัวใจของความเป็นครู ยืนอยู่หน้าห้องเรียน คุณจะทำตัวยังไงเด็กในห้องก็จะเลียนแบบคุณ เพราะฉะนั้นไม่ว่า จะอยู่ออนไลน์หรือ จะลงไปหาเสียง การไปหาเสียงพบปะก็ยังต้องทำ ไม่มีอะไรดีกว่า human touch คือการที่ได้ลงไปพบปะพูดคุยเห็นหน้ากัน กระทั่งออนไลน์ก็ต้องเป็นทูเวย์ เพราะว่าโลกเราเปลี่ยนไป เราใช้เทคโนโลยีกันระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายต้องมาสัมผัสหัวใจของมนุษย์กันในระดับหนึ่ง คือการยังลงพื้นที่เดินเคาะประตูก็ยังต้องทำ การที่จะทำอะไรบนสื่อ ก็จะต้องยึดหลักของความยุติธรรม และคุณธรรม โดยเฉพาะคุณธรรมสำคัญสำหรับนักการเมือง”

ความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ ดร.ณหทัย มองว่า เหมือนสินค้า ยิ่งมีพรรคการเมืองมาก นักการเมืองมากก็ยิ่งดี ทำให้คนที่มีคุณภาพ เท่านั้น และมีหลักการมีคุณธรรมจะอยู่ได้ยั่งยืน แต่คนที่เหมือนสินค้าที่มาหลอกขาย บนชั้น หลอกไปภาพลักษณ์สวยดี สุดท้ายแล้วเอาไปใช้ที่บ้านวันหนึ่งก็เสีย สองวันสีตก สามวันเจ๊ง คนก็รู้แล้ว เลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องของการแข่งขันกันในเรื่องของคุณภาพ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า