เปิดพระราชนิพนธ์ใน ‘สมเด็จพระเทพฯ’ ทรงพระราชนิพนธ์ถึง ‘ทูลกระหม่อมพ่อ’

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ 2 เมษายน 2561 ทรงมีพระชนมายุครบ 63 พรรษา

ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ จึงได้อัญเชิญพระราชนิพนธ์บางส่วนใน ‘สมเด็จพระเทพฯ’ ที่ทรงพระราชนิพนธ์ถึง ‘ทูลกระหม่อมพ่อ’ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ยังทรงประทับอยู่ในใจทวยราษฎร์ไม่เสื่อมคลาย มาฝากผู้อ่านทุกท่าน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทั้งสองพระองค์ ทรงมีพระเมตตาแผ่ไพศาลต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระฉายา สมเด็จพระเทพฯ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ว่า “สลาตันของพ่อ” เพราะวัยเด็กพระองค์ทรงวิ่งเร็วและซนมาก และมีพระนามลำลองว่า “น้อย” เมื่อทรงเติบโต สมเด็จพระเทพฯ ก็จะเสด็จฯ ตามทูลกระหม่อมพ่อไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ

ดังที่เราทุกคนคงทราบกันดีว่า ไม่มีผืนแผ่นดินไทยส่วนไหนที่สมเด็จพระเทพฯ จะไม่เคยย่างพระบาทไปถึง ไม่ว่าที่นั้นจะเป็นเขาสูง หรือทุ่งกว้าง ผืนน้ำหรือพื้นราบ ที่โล่งหรือพงป่า ภูมิประเทศอันน่ารื่นรมย์ หรือดงทาก ใต้ถุนบ้านผุพังในชนบท หรือกลางดงน้ำเน่าในแหล่งเสื่อมโทรม หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปปรากฏพระองค์อยู่ ณ ที่ใด สมเด็จพระเทพฯ ก็จะเสด็จฯ ตามไปด้วยไม่เคยห่าง

สมเด็จพระเทพฯ ทรงถ่ายทอดเรื่องราวการเสด็จฯ ตามทูลกระหม่อมพ่อ ในพระราชนิพนธ์ “เดินตามรอยเท้าพ่อ” ความตอนหนึ่งว่า…

“ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด

ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด มืด และกว้าง

มีต้นไม้ใหญ่ใหญ่เหมือนหอคอยที่เข้มแข็ง

พ่อจ๋า…ลูกหิวจะตายอยู่แล้วและเหนื่อยด้วย

ดูซิจ๊ะ…เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก

ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า

พ่อจ๋า…เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม ?

ลูกเอ๋ย…ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีความรื่นรมย์และความสบายสำหรับเจ้า

ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า

พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า เลือดของเจ้าเปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ

น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว เปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงามเต็มที่

เพื่อมนุษยชาติ จงอย่าละความกล้า เพื่อเผชิญกับความทุกข์ให้อดทนและสุขุม

และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า ไปเถิด…ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ…”

นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพฯ ยังทรงโปรดการเขียนบทกลอนมาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ หนึ่งในบทกวีพระราชนิพนธ์ที่ทรงเขียนถึง “ทูลกระหม่อมพ่อ” เรื่อง “บิดา” ใน พุ.ศ.2510 มีใจความว่า

“อันบิดาเป็นผู้ให้กำเนิด แสนประเสริฐเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่

ทั้งเลี้ยงดูอบรมบ่มจิตใจ เพื่อจะให้ลูกยาพาเจริญ

อันพระคุณท่านนั้นมากล้นเหลือ ลูกที่เชื่อคำท่านน่าสรรเสริญ

คุณบิดานั้นมีมากเหลือเกิน ขอให้ท่านยิ่งเจริญทุกคืนวัน”

สมเด็จพระเทพฯ ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระอัจฉริยภาพและพระราชจริยวัตรอันงดงามเป็นที่ประจักษ์ ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทพระราชบิดา ทั้งยังทรงมีพระอารมณ์ขัน ดังเช่นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ในพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ภาพเบื้องหน้าพสกนิกรนับแสนชีวิตสวมเสื้อสีเหลืองเดินทางมาเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่หนึ่งในนั้นปรากฏภาพของสมเด็จพระเทพฯ ทรงยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาทรงฉายจากด้านหลังที่ประทับของ ในหลวง รัชกาลที่ 9

สมเด็จพระเทพฯ เคยรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้ต่อนักข่าว ความว่า ทูลกระหม่อมพ่อทรงตำหนิว่าทำตัวเหมือนเด็ก กระนั้น พระองค์ทรงพระสรวลอย่างมีความสุข

“พ่อดุเรา บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวม และให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบๆ ด้วย”

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ผู้ถวายงานใกล้ชิด ได้เคยกล่าวถึง สมเด็จพระเทพฯ ไว้ ความว่า

“…สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงงานครอบจักรวาล พระราชกรณียกิจมีทุกด้าน ครอบคลุมวิถีชีวิตมนุษย์ ดิน น้ำ ลม ไฟ จนมีคำพังเพยที่มักพูดกันถึงการทรงงานของพระองค์ว่า ทรงดูแลตั้งแต่ครรภ์มารดาไปถึงเชิงตะกอน…”

“….พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นอย่างไร สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นอย่างนั้น ทรงถอดแบบทูลกระหม่อมพ่อมาทุกอย่าง…”

รอยแย้มพระสรวลในขณะที่ทรงงาน เป็นอีกภาพที่ชัด เจนตาพสกนิกร เช่นนี้แล้ว ปวงประชาจึงได้รักและเทิดทูน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าฟ้าหญิงนักพัฒนา ผู้ทรงงานหนักเพื่อแผ่นดิน และทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาท ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระองค์นี้ยิ่งนัก

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: praew, มูลนิธิยุวทูตความดี, twitter‏@LoveKingTH