เปิดเทอมใหญ่ปี’ 61 ผู้ปกครองรายจ่ายเพิ่ม เงินสะพัด 2.75 หมื่นล้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเปิดเทอมใหญ่ปี’ 61 ผู้ปกครองในกรุงเทพฯ เตรียมจ่ายค่าเทอม และค่าใช้จ่ายจิปาถะอย่างน้อย 6 รายการให้ลูก เฉลี่ยคนละ 17,187 บาท คาดเม็ดเงินสะพัดรวม 27,500 ล้านบาท โดยร้อยละ 64 กังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงิน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผย ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่กำลังศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 36 ไม่กังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงินในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 64 มีความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงภาระหนี้สิน เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 นี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังไม่ปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลาน โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คงที่ เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว ยกเว้นค่าชุดนักเรียน ที่ส่วนใหญ่ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายลดลง และค่าเรียนเสริมทักษะ เช่น ภาษาต่างประเทศ ดนตรี กีฬา คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ที่ส่วนใหญ่ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

โดยการใช้จ่ายด้านการศึกษาสำหรับบุตรหลานคิดเดือน พ.ค.นี้ พบว่า เด็กนักเรียน 1 คนจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 17,187 บาท ซึ่งจำนวนนักเรียนใน กทม.และปริมณฑล มีประมาณ 1.6 ล้านคน รวมเม็ดเงินสะพัด 27,500 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว โดยเป็นการขยายตัวที่ชะลอตัวลงจากในปีที่ผ่านมา เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สำคัญ อย่างค่าเทอม ยังไม่มีการปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงผู้ปกครองส่วนใหญ่ใช้จ่ายสินค้าด้านการศึกษา เช่น ชุดนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น อย่างระมัดระวัง โดยมองหาสินค้าที่มีราคาไม่แพง หรือซื้อในจำนวนที่ลดลง เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว อีกทั้งจำนวนนักเรียนในระบบการศึกษาในปีการศึกษา 2561 น่าจะยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับในปีการศึกษา 2560

เพราะเกือบทุกรายการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนี้

• ค่าเทอม 13,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3

ค่าใช้จ่ายนอกจากค่าเทอม เช่น

• ค่าบำรุงการศึกษา 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2
• ค่ากิจกรรมพิเศษในโรงเรียน 4,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4
• เรียนกวดวิชา 1,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2
• เรียนเสริมทักษะ 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5
• และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น รถรับส่ง 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5

ส่วนค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองจ่ายน้อยลง เพราะซื้อจำนวนน้อยลง หรือมองหาสินค้าราคาไม่แพง คือ ชุดนักเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียน 3,270 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.8

การสำรวจครั้งนี้เป็นการสำรวจผู้ปกครอง 400 คน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีลูกหลานเรียนในชั้นระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษา กว่าครึ่งมีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 60,000 บาทต่อเดือน และเรียนในโรงเรียนของรัฐบาล

สำหรับที่มาของเงินที่จะมาจ่ายนั้น นอกจากส่วนใหญ่ช่วงใกล้เปิดเทอมจะลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้เงินออม ยืมญาติ หรือเพื่อน บางคนกู้เงินจากทั้งในระบบอย่างธนาคาร หรือกู้นอกระบบ บางคนเล่นแชร์ หรือพึ่งโรงรับจำนำ

ทั้งนี้ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าด้านการศึกษา ยังคงต้องให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการตรึงราคาสินค้า รวมถึงแนวโน้มที่ผู้ปกครองปรับลดค่าใช้จ่ายสินค้าด้านการศึกษา อีกทั้งยังมองหาสินค้าราคาไม่แพง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการในช่วงก่อนเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 เป็นไปอย่างรุนแรงขึ้น ในขณะที่ โรงเรียนกวดวิชาบางรายทยอยปิดสาขาบางสาขาลง ซึ่งแนวโน้มการเรียนกวดวิชาน่าจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปสู่การเรียนการสอนผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น e-Learning สื่อมัลติมีเดีย สื่อออนไลน์ เป็นต้น มากขึ้น ในส่วนของสถาบันเสริมทักษะต่างๆ ยังได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของบุตรหลาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการยังสามารถเร่งทำการตลาดเพื่อขยายฐานนักเรียนใหม่ๆ ได้