เปิดใจพระมหาสีไพรเข้าประกันตัวศิษย์ตอกเส้น หลังถูกปิดเพราะไม่มีใบประกอบโรค

ประเด็นคือ- หลังจากข่าวศูนย์ตอกเส้นแพร่สะพัด เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบ และสั่งปิดศูนย์ตอกเส้น พร้อมกับจับลูกศิษย์อาสาสมัครจำนวน 5 คน พระมหาสีไพร อาภาธโร เข้ายื่นขอประกันตัว พร้อมเปิดใจมุมมองต่อการแพทย์ที่น่าคิดและนำไปพัฒนา

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 21 พ.ย. 60 ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พระมหาสีไพร อาภาธโร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมศิษยานุศิษย์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบและทำการปิดศูนย์ตอกเส้น สาขาปากเกร็ด พร้อมทั้งเชิญตัวผู้ที่ทำการตอกเส้น จำนวน 5 คน ส่งพนักงานสอบสวน ร.น.อ.ปิโยรส ชูกุล ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยโดยมิได้รับอนุญาต ผู้ถูกกล่าวหาได้ขอประกันตัวออกไปคนละ 10,000 บาท

พระมหาสีไพร อาภาธโร เปิดเผยว่า ตนเตรียมใจไว้ก่อนตั้งแต่วันแรกที่ให้ข่าวไปแล้ว ตนบอกทุกคนว่าขาข้างหนึ่งอยู่ในคุก อีกข้างอยู่บนความทุกข์ยากของประชาชนที่เจ็บป่วยต่างๆ เราภูมิใจว่าความรู้ที่เราวิจัยมาทั้งชีวิต ไม่ได้จบปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก ไม่ใช่แพทย์ ไม่มีเงินเดือน เราลงทุนค้นคว้าด้วยตัวเอง หลักสูตรนี้ได้ถวายสมเด็จพระเทพฯ ว่า ตนได้ทำการรักษาตอกเส้นแบบนี้ และจะสร้างศูนย์อนุรักษ์มรดกไทยถวายพระองค์ท่าน

ตนยอมทุ่มเทค้นคว้าวิจัยและเขียนเป็นหนังสือออกมามากกว่า 300 หน้า เป็นหลักสูตรเพื่อยื่นสภาแพทย์แผนไทย สบส.เพื่อขอการรับรอง เราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เราพยายามทำเพื่อให้ถูกกฎหมาย เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนเป็นเป้าหมาย ตนได้ยื่นเรื่องไปที่แพทย์ทางเลือก แพทย์พื้นบ้าน แพทย์แผนไทย สบส. เราทำได้เท่าที่เราทำ ต้องมีคลินิก เราก็หาคลินิกมาเปิดให้ ต้องเรียนเพื่อมีใบประกอบโรคศิลป์ ตนก็ส่งไปเรียน

หลังจากนี้คนป่วยต้องไปถามนายกรัฐมนตรี สนช.ว่า ต้องทำอย่างไรต่อไป จะให้ตนทำเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินไหม ตนเคยขออนุญาตมาตลอดที่ จ.นนทบุรี ตนก็ได้เข้าไปแจ้งกับ สสจ.แล้วว่า ตนตอกเส้นแบบนี้ ทาง สสจ.ต้องปิดตาข้างหนึ่งและให้คำตอบไม่ได้ ทาง สนช.บอกว่า ต้องยื่นขอตามกระบวนการที่เยอะมาก ลูกศิษย์ที่ถูกจับ ตนก็จะประกันตัวออกไปคนละหมื่น คนเหล่านี้มาด้วยจิตวิญญาณเพราะเขาป่วย เขามารักษาแล้วเขาหาย จึงมาเป็นจิตอาสา แต่คนมาช่วยทำงานก็ต้องมีค่าน้ำ ค่าอาหารต่างๆ ตนก็ให้เขามีรายได้พอใช้จ่าย

หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง ทาง สนช.จะส่งทนายความมาเคลียร์เรื่องนี้ ถ้าตนผิดและจะให้สึกก็เอากางเกงมา ไม่ต้องไปหาเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ชีวิตของตนทำความดีตรงนี้เพราะตนพ้นจากความเจ็บป่วยและเอาความรู้มาเผยแพร่ช่วยเหลือคน ตนยอมสละชีวิตมาช่วยเหลือประชาชน ถ้าเรายอมสละชีวิตเพื่อช่วยคน และเราไม่เดือดร้อนอะไรเลย ตนสวดมนต์ไหว้พระก็อยู่ได้แล้ว ตนไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน

ที่ทำแบบนี้เพราะตนเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงงานตลอดชีวิต เหงื่อออกที่ปลายจมูก แล้วตนเป็นข้าราชบริพารของพระองค์จะทำงานแทนพระองค์ท่านไม่ได้หรือ มือแขนขาเรามี เราจะช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรือ ความดีคือให้ชีวิตใหม่ในครอบครัวเขา พ่อเขาเป็นหมอนรองกระดูก เป็นเข่าเสื่อม เดินไม่ได้ ถามตรงนี้เราให้ชีวิตใหม่เขาไหม ถามตรงๆ ทุกวันนี้ที่เราเดินเข้า-ออกโรงพยาบาลทุกวันนี้เป็นโรคปวดเข่าอย่างเดียว รักษากันเป็นปียังไม่หาย

ต้นเหตุของปัญหาคือ การรักษากันวนเวียนอยู่ 5-10 ปีแล้วไม่หาย ถือเป็นการหลอกลวงที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำไมเราไม่ใช้รัฐศาสตร์การปกครองว่า ทำอย่างไรให้บ้านเมืองเราอยู่ดีมีสุข ทีนี้กฎหมายที่ออกมาเพื่อผลประโยชน์ทั้งหมด ระบบทางการแพทย์ต้องมายกมือแล้วว่าใครทำอะไรแล้วรักษาโรคหาย เช่น หมอแสงรักษาโรคมะเร็งหาย ต้องส่งเสริม อย่างตนรักษาโรคหมอนรองกระดูกหาย ทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องมาส่งเสริม เพราะในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติระบุว่า ต้องส่งเสริมการแพทย์แผนไทย

ตนยังเคยไปเปิดบูธรักษาที่หลังกระทรวง หลายๆ คนดังก็มารักษากัน ตนเคยประกาศว่า ตนยอมเสี่ยง ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐมาจับตน ทุกคนเหล่านี้ถ้ามีความจริงใจต้องออกมาประกันตน ถ้าไม่จริงใจตนก็ออกไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ใช่ปัญหา หรือใครบอกว่าตนทำให้ศาสนาเสื่อม ตนนั้นเป็นกาวใจกับทุกศาสนา

ทุกคนมารักษาและมีความสุขกลับไปทุกคน ไม่เคยเอาเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้อง ตนไม่ได้ปรารถนานิพพาน ตนพ้นทุกข์ไม่ได้ ตนตั้งปณิธานว่าจะช่วยเหลือสังคม ตนช่วยมาแล้วเป็นแสนๆ คน เขามีความสุข ตนผิดอะไร เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่เขียนกฎหมายใส่ลงไปเท่านั้นเอง เขียนวันนี้ เซ็นวันนี้ก็ถูกเท่านั้นเอง ถูกผิดมันอยู่ที่ว่ามองประโยชน์ของใครเป็นหลัก ถ้าเป็นประโยชน์ของคนอื่น คนอื่นก็ถูก ถ้าเป็นประโยชน์ของตน ตนก็ถูก