SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ – หนุ่มข้องใจโพสต์เฟซบุ๊กเล่าเหตุการณ์หลังถูกชายอ้างตัวเป็น ป.ป.ส. ถือปืนและกระดาษ 1 แผ่น จับใส่กุญแจมือ พร้อมแจ้งว่ามีหมายจับคดีครอบครองยาเสพติด เสพยาและฟอกเงิน ก่อนจะถอดกุญแจมือเมื่อรู้ว่าพ่อผู้โพสต์เป็นทหาร แล้วรีบขับรถออกไปทันที

จากประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ “Nuttapong Jitsaguan” ได้โพสต์ภาพพร้อมคลิปวิดีโอวงจรปิดที่อู่ทำสีรถของตนเอง โดยเป็นเหตุการณ์ที่มีชายฉกรรจ์ 2 คน ขับรถมาจอดหน้าร้าน โดยอ้างตัวเป็น ป.ป.ส. ถือปืนสั้นและกระดาษมา 1 แผ่น พร้อมกับถามว่าใครชื่อ ณัฐพงษ์ ผู้โพสต์ก็ตอบว่าผมเอง ขณะนั้นมีชายอีกคนเดินเข้ามาที่ร้านและถือปืนลูกซองสไลด์มาด้วย พร้อมกับเอากุญแจมือใส่ทันที ก่อนจะปิดประตูร้านลง

จากนั้นก็ได้พูดว่าตน (ผู้โพสต์เฟซบุ๊ก) มีหมายจับคดีครอบครองยาเสพติด เสพยาและฟอกเงิน ซึ่งผู้โพสต์ก็โวยวายไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น แต่ชายที่อ้างเป็น ป.ป.ส. ก็บอกว่ามีหลักฐานและหมายมาครบ แต่ไม่ยอมให้ดูหมาย และถามหาว่ายากับปืนอยู่ไหน ก่อนจะพาเดินไปค้นที่บ้านอีกหลัง

ระหว่างนั้นแฟนสาวของผู้โพสต์ก็กลับมาพอดี จึงถูกชายที่อ้างเป็น ป.ป.ส. ลากเข้ามาในร้านพร้อมกับปิดประตูลง สักพักพ่อของผู้โพสต์ก็ได้ตามมา แต่ชายทั้งหมดก็ไม่ยอมให้อ่านหมาย พร้อมกับถามพ่อผู้โพสต์ว่าเป็นทหารเหรอ ก่อนจะรีบถอดกุญแจมือออก แล้วรีบขับรถออกไปทันที

ทั้งนี้ ผู้โพสต์ยังได้มีการตั้งข้อสงสัย 6 ข้อด้วยกัน คือ

  1. ถามหาบัตรตำรวจก็ให้ดูแบบผ่านๆ บอกแค่ว่าเป็นตำรวจ ป.ป.ส. หรือ ปส 1 สลับไปมา
  2. ต่อให้เป็นตำรวจจริง คุณไม่มีสิทธิใส่กุญแจมือผม ถ้ายังไม่เจอความผิดจริงๆ
  3. ตำรวจจริงต้องแสดงความบริสุทธิ์ แสดงตัวก่อนจับกุม ทุกครั้งครับ
  4. หมายศาลหรือหมายจับ ต้องเป็นตราประทับและเซ็นมา ไม่ใช่ถ่ายเอกสารมา
  5. หมายค้นก็ไม่มีให้เซ็นครับ
  6. ทำไมไม่ถอดรองเท้า ผมเก็บกวาดเหนื่อยนะครับ ให้เกียรติกันบ้างครับ #ผมโง่แต่ผมก็ศึกษามานะครับ

จากนั้นผู้โพสต์ก็ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแจ้งในคดี…

  1. คดีร่วมกันบุกรุกยามวิกาล
  2. ลักทรัพย์
  3. กักขังหน่วงเหนี่ยว
  4. ขู่กรรโชกทรัพย์

เพราะไม่แน่ใจว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ อีกทั้งยังบอก ถ้าเป็นตำรวจจริงก็ทำเกินกว่าเหตุอยู่ดี ก่อนจะให้ทางตำรวจตรวจเช็กประวัติ ก็ไม่พบว่ามีหมายจับใดๆ ทั้งสิ้น

และยังกล่าวปิดท้ายว่า **ผมมั่นใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ผมหามาด้วยความลำบาก คนที่รู้จักตัวผมจะรู้ดี เรื่องยาผมไม่ยุ่งแน่นอน สงสารพ่อแม่ต้องมานั่งร้องไห้ตอนโดนจับ ชีวิตผมผ่านคุกมาก็ไม่เคยคิดที่จะหันหลังกลับไปเดินทางเก่า #ตรวจสอบผมได้ครับ อย่ามองผมแบบผิดๆ ผมเดินทางขาวสะอาดมาตลอด ต้องมาเจออะไรแบบนี้ก็ไม่ไหวครับ**

โดยในวันนี้ (7 ธ.ค. 60) ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ คุณกาลเวลา เสาเรือน ได้ลงพื้นที่ไปที่อู่ซ่อมสีรถจักรยานยนต์ย่านเขตสายไหม กทม. ไปฟัง คุณณัฐพงษ์ จิตรสงวน ผู้เสียหาย เล่าวินาทีถูกชายอ้างตัวเป็น ป.ป.ส. บุกมาที่อู่ของตนเอง

ขณะที่แฟนสาวของนายณัฐพงษ์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตกใจมาก คิดว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล เนื่องจากชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ได้ปิดประตูบานพับของร้านและข่มขู่ ว่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์รายงานต่อว่า จากนั้นก็มีผู้เสียหายที่เจอบุคคลลักษณะนี้เช่นเดียวกัน และมั่นใจว่าเป็นแก๊งเดียวกัน เนื่องจากจดจำรูปพรรณสันฐานได้แม่นยำ มีคลิปในวันเกิดเหตุ ติดต่อมายังนายณัฐพงษ์ ซึ่งผู้เสียหายอีกท่านนี้พักอยู่ย่านวัชรพล แขวงท่าแรง เขตบางเขน บอกว่าตนเองเจอกลุ่มผู้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เป็นชาย 3 คน เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยพฤติกรรมของกลุ่มนี้อุกอาจมาก เนื่องจากดักผู้เสียหายบริเวณซอยบ้าน ก่อนจะล็อกตัวผู้เสียหายไปข่มขู่ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง พร้อมกับพูดทำนองว่า “ถ้าช่วยแล้วจะได้อะไรตอบแทน”

จากนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ก็ทำการปลดสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมพระเครื่อง กระเป่าเงินยี่ห้อหลุยส์ วิตตอง โดยมีเงินในนั้นประมาณ 1 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือ เหลือเงินให้ผู้เสียหายรายนี้ติดตัว 100 บาท ก่อนปล่อยผู้เสียหายกลางทางและขับรถหลบหนีไป

และวันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ถนนดินแดง นายชลัยสิน โพธิเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (รองเลขาธิการ ป.ป.ส.) ได้เปิดเผยถึงกรณีชายฉกรรจ์อ้างเป็น ป.ป.ส. เอาปืนจ่อ – ใส่กุญแจมือว่า ข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ส. ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในสังกัดของสำนักงาน ป.ป.ส. แต่อย่างใด

โดยขณะนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานไปยังตำรวจในพื้นที่ เพื่อร่วมติดตามตรวจสอบผู้แอบอ้างรายดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเข้มงวดต่อไป และขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง หากพบการแอบอ้างขอให้ตรวจสอบวิธีการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ หรือสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ยังได้พูดถึงของการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่อีกว่า การที่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใดๆ เพื่อตรวจค้นบุคคล จะต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 โดยมีขั้นตอนคือ

1. ต้องแสดงหมายค้นและอ่านหมายแจ้งผู้ครอบครองเคหสถาน

2. ในกรณีที่ไม่มีหมายค้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อเจ้าพนักงานต้องแสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ต่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานนั้นด้วย

3. การตรวจค้นต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ

4. เมื่อทำการตรวจค้นเรียบร้อยแล้วต้องบันทึกผลการตรวจค้น และเหตุในการตรวจค้นเป็นหนังสือไว้ให้แก่ผู้ครอบครองเคหสถานด้วย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า