พรรคเพื่อชาติมั่นใจ 9 นโยบายทำได้จริง ทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ-คนพิการ เดือนละ 2 พัน ยกระดับสินค้าเกษตร เชื่อเมื่อประชาชนทราบจะเทใจลงคะแนนให้พรรค
วันที่ 1 ก.พ. ที่ห้องอภิวันท์ วิริยะชัย ชั้น 5 อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว พรรคเพื่อชาติจัดงานแถลงนโยบายหลัก 9 ข้อ และเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. เขต และบัญชีรายชื่อทั้ง 500 คน อย่างเป็นทางการ นำโดย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ
นายสงคราม กล่าวว่า พรรคได้วางนโยบายไว้หลายด้านเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน ช่วยให้ประเทศฟื้นตัวและพัฒนาต่อไปได้ โดยได้เสนอนโยบายหลัก 9 ข้อ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย
1.นโยบายยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลตำบลที่มีความทันสมัย
จัดให้มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน และทันสมัยเหมือนโรงพยาบาลในเมือง สามารถรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเบื้องต้นได้ในระดับหนึ่ง คาดว่าจะใช้งบประมาณแห่งละสามล้านบาท ทั้งประเทศมีจะมีโรงพยาบาลตำบลประมาณเจ็ดพันกว่าแห่ง รวมแล้วใช้เงินสองหมื่นล้านเศษ
2.นโยบาย 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์
แก้ปัญหาขาดบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการให้ทุนกับนักเรียนที่ขาดโอกาส ขาดทุนทรัพย์ในแต่ละตำบลทั่วประเทศ ได้เรียนแพทย์ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเยาวชนที่เรียนเก่ง ขอเพียงมีใจรักมีความพยายามมุมานะที่จะเรียน และสำนึกรักบ้านเกิด ยินดีทำงานใช้ทุนที่ถิ่นกำเนิด โดยต้องการเป็นแพทย์ให้กับตำบลและท้องถิ่นของตน
3.นโยบายโฉนดใบเดียวทั้งแผ่นดิน
ยกเลิกเอกสารสิทธิ์ ทุกประเภท อาทิ สปก. , นส.2 , นส.3 และอื่น ๆ ให้เหลือเพียงโฉนดเท่านั้น รวมถึงจะใช้มาตราส่วนเดียวกันในโฉนดทุกประเภทด้วย ลดปัญหาความขัดแย้ง และเพิ่มความเท่าเทียมกัน ให้กับเจ้าของโฉนดทุกคน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการนำเอกสารสิทธิ์ไปทำธุรกรรม
4.นโยบายยกเลิกการผูกขาดตัดตอน และยกเลิกสัมปทาน ที่กีดขวางการพัฒนาโอกาสของคนยากจน ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการผูกขาดอย่างเคร่งครัด
5.นโยบายปลอดภาษีรถยนต์ เพื่อการเกษตร และประมง เพิ่มโอกาสให้เกษตรกร ในการมีรถยนต์ที่จะใช้ในการขนส่งอุปกรณ์การผลิต และผลผลิตไปจำหน่าย โดยภาษีเท่ากับศูนย์
6. นโยบายเงินช่วยเหลือผู้สูงวัย 2,000 บาทต่อเดือน ปัจจุบันมีจำนวนผู้สูงอายุราว 11 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถทำงานได้ประมาณ 7 ล้านคน เมื่อรวมเข้ากับจำนวนผู้พิการทั้งประเทศอีก2 ล้านคน จะได้จำนวนผู้ยากไร้ที่สังคมควรให้การช่วยเหลือจำนวนประมาณ 9 ล้านคน ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลที่จะต้องไม่ทอดทิ้งผู้คนด้อยโอกาสและไม่สามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยกำลังของตนเองจากความชราหรือทุพพลภาพ จึงได้มีนโยบายในเรื่องเงินสวัสดิการผู้สูงวัย ผู้สูงอายุอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปรวมถึงผู้พิการ หรือทุพลภาพ จะได้เงินเท่ากันหมด คนละ 2,000 บาทต่อเดือนตลอดชีพ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐสวัสดิการที่แท้จริง
7.นโยบายการวางผังเมืองใหม่ ให้กลายเป็น Green and Clean City เพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้ศูนย์ราชการทั้งหลายกระจายออกไปอยู่นอกเมือง ส่งเสริมใช้รถยนต์ไฮบริด และไฟฟ้า เพิ่มสถานีชาร์จ
8.นโยบายทลายกำแพงใจ เจ้าหน้าที่รัฐ และท้องถิ่นเข้าไปจัดกิจกรรม ส่งเสริมความสัมพันธ์ของคนในชุมชน เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือดูแลกัน
9.นโยบายราคาพืชผลทางการเกษตร ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตร ระบบบริหารจัดการน้ำ หาตลาดรองรับการส่งออก การแปรรูป เป้าหมาย ราคายางพารา ไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 80.00 บาท, ข้าวหอมมะลิ เกวียนละ 20,000 บาท ราคาข้าวทั่วไป เกวียนละ 15,000 บาท, ปาล์ม น้ำมัน 6.00 บาท/ กิโลกรัม, อ้อย 900.00 บาท/ ตัน, มันสำปะหลัง 3.00 บาท/ กิโลกรัม
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า พรรคเพื่อชาติได้เข้าไปนั่งในหัวใจของประชาชนจำนวนมากมายอยู่แล้ว และเชื่อมั่นขึ้นไปอีกว่า เมื่อประชาชนทั่วประเทศได้รู้ถึงนโยบายของพรรคจะตัดสินใจเข้ามาร่วมมือกับพรรคมากยิ่งขึ้น