พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบาย ลดขั้นตอนราชการเกี่ยวกับเรื่องทำมาหากิน กำหนดเรื่องที่ต้องขออนุญาตก่อนให้น้อยลง และวางระบบให้ประชาชนให้คะแนนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐให้มีผลต่อการให้คุณให้โทษ
วันที่ 15 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวในงานเสวนา “การยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการทํามาหากินของประชาชน”ว่า ทุกวันนี้การทำมาหากินของประชาชนที่ไม่มีเส้นสายและไม่ใช่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ติดขัดเรื่องขั้นตอนต่างๆ ของระบบราชการที่ล่าช้าและเป็นบ่อเกิดของการทุจริตคอร์รัปชั่น เนื่องจากระบบกฎหมายอยู่บนแนวคิดว่า สิ่งที่ประชาชนทำไม่น่าจะสุจริต จึงมีการออกกฎเกณฑ์จำนวนมาก
พรรคเพื่อไทยจึงจะเสนอยกเลิกระบบอนุมัติอนุญาตที่ไม่จำเป็นและสร้างต้นทุนให้หมด เนื่องจากมีกฎหมายที่กำหนดความผิดและโทษอยู่แล้ว โดยจากปัจจุบันมีการกำหนดให้ต้องขอนุญาต 1,500 กว่าชนิด จะลดให้เหลือไม่เกิน 300 ชนิดใน 4 ปี โดยใช้การแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแทน เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่ภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ส่วนกิจการบางประเภทสามารถดำเนินการได้เลย แล้วจึงมาขออนุมัติภายใน 60 หรือ 90 วัน ทั้งนี้ มีกรณีของเกาหลีใต้ที่เคยกำหนดให้ต้องมีการขออนุญาต 800 ชนิด ต่อมาก็สามารถปรับให้เหลือเพียง 280 ชนิด
ส่วนด้านอื่นๆ ภาครัฐต้องจัดทำคู่มือเรื่องการดำเนินการที่เกี่ยวกับการทำมาหากินเพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ดำเนินการได้ถูกกฎหมายและตามมาตรฐาน โดยมีภาครัฐเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและให้ความรู้ และการติดต่อราชการของประชาชนด้านการทำกินต้องสะดวกรวดเร็ว หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวกับกิจการแต่ละประเภทต้องรวมกันให้เป็น One Stop Service อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันต้องสร้างระบบตรวจสอบและการให้คะแนนหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการปฏิบัติงาน โดยประชาชนผู้ใช้บริการ เพื่อนำมาประเมินประกอบการปฎิรูปกฎหมายเกี่ยวกับการทำมาหากิน ระบบราชการ และการให้รางวัลหรือตักเตือน ลงโทษ กรณีนี้สามารถทำได้ทันทีโดยเฉพาะระบบการให้คะแนน
นอกจากนี้ ยังต้องลดอำนาจรัฐในบางด้าน โดยออกกฎหมายรับรององค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อร่วมให้ความคิดเห็นและตรวจสอบดูแลกันเอง เช่น กลุ่มร้านตัดผม กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มโฮมสเตย์ แนวนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ปี จะเป็นการปรับระบบรัฐราชการให้เป็นรัฐประชาชนเพื่อลดอำนาจและภาระของภาครัฐ