SHARE

คัดลอกแล้ว

วันศุกร​์ที่ 22 มีนาคม 2562 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 24 มีนาคมนี้ นำโดยผู้สมัคร ส.ส. และแกนนำพรรคจำนวนมาก ทั้งนายอดิศร เพียงเกษม, นายวัฒนา เมืองสุข, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายโภคิน พลกุล, นาย นพดล ปัทมะ, นายเฉลิม อยู่บำรุง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ได้แก่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ

ในช่วงแรกของการปราศรัย นายอดิศร เพียงเกษม และนายวัฒนา เมืองสุข กล่าวถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศด้วยอำนาจเต็มมานานกว่า 4 ปี 10 เดือน แต่กลับทำให้เศรษฐกิจของประเทศแย่ลง ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ และยาเสพติดระบาดหนัก ดังนั้นหากประชาชนต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ต้องการให้เศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอย วันที่ 24 มีนาคมนี้ ทุกคนต้องพร้อมใจกันออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างถล่มทลาย

หลังจากนั้น นายปลอดประสพ สุรัสวดี ได้กล่าวถึงแนวนโยบายด้านต่างๆ เช่น การแก้ปัญหาด้านประมง ว่าจะเจรจากับ EU ใหม่ภายใน 3 เดือน หากได้เป็นรัฐบาล รวมถึงจะส่งเสริมการทำประมงของไทยให้กลายเป็นการทำประมงอย่างยั่งยืน, พัฒนาการท่องเที่ยวอุทยานทางทะเล ทะนุบำรุงอย่างจริงจัง เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็ก เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวอุทยานทางทะเลเป็น 2 เท่า, แก้ปัญหาหมอกควันภายใน 3 เดือน ส่งเสริมการใช้นำ้มันบี 100 ทำให้ราคาปาล์มสูงขึ้น

ส่วนนายนพดล ปัทมะ กล่าวถึงหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่า เพื่อไทยจะผลักดันโครงการ 30 บาท เฟส 2 ให้ดีขึ้น เพิ่มงบประมาณรายหัวอย่างเหมาะสม ลดเวลารอคิวของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุน และจะให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของหมอพยาบาล

นอกจากนโยบายด้านสุขภาพแล้วพรรคเพื่อไทยจะเร่งพัฒนาระบบการศึกษา โดยจะเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาภายใน 10 วัน หากได้เป็นรัฐบาล เน้นให้เด็กไทยเรียนรู้ทักษะด้านเทคโนโลยี ทักษะชีวิต การคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ เร่งพัฒนาภาษาอังกฤษ ทำให้เด็ก ป.6 พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน และทำให้เด็กไทยได้เรียนฟรี 15 ปี อย่างแท้จริง นอกจากนั้นจะสนับสนุนเงินดูแลเด็กเล็กตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์จนถึง 7 ปี พัฒนาศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กทั่วประเทศ ปลดหนี้ผู้ค้ำประกัน กยศ. และปรับลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้กู้

ขณะที่นายชัยเกษม นิติสิริ กล่าวว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะพิจารณากฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันว่าฉบับใดบ้างที่ไม่มีความจำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพของประชาชน ควรจะได้รับการแก้ไขหรือยกเลิก และเพื่อไทยเสนอให้มี ‘หวยบำเหน็จ’ เพื่อส่งเสริมการออมของประชาชน

ในส่วนของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนของพรรคเพื่อไทย ก็ขึ้นเวทีพร้อมระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องตั้งโจทย์ใหม่ ต้องไม่ถามว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไรหลังการเลือกตั้ง แต่ต้องถามว่าหลังการเลือกตั้ง ประเทศไทยจะไล่ตามอนาคตทันได้อย่างไร เพราะโลกข้างนอกและเทคโนโลยีนั้นวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่รอประเทศไทย

นอกจากนี้ นายชัชชาติยังได้ระบุถึงแนวทาง 4 ข้อในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ นั่นคือการปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี และสร้างเศรษฐีใหม่  และในช่วงท้ายของการปราศรัย นายชัชชาติยังย้ำด้วยว่า พรรคเพื่อไทยเป็นนักบริหารมืออาชีพ นั่นคือเป็นคนที่มารับใช้ประชาชน ไม่ขู่ตะคอกประชาชน อีกทั้งยังระบุด้วยว่านักบริหารที่ต้องตรวจสอบได้ ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาสิ่งนี้เป็นปัญหา และจะปล่อยให้ประเทศไทยเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้

สำหรับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขึ้นเวทีปราศรัยเป็นคนรองสุดท้าย โดยระบุว่าตลอด 27 ปีนับตั้งแต่ได้เป็น ส.ส. ครั้งแรกในปี 2535 เจอโจทย์ยากๆ ตลอด เพราะในสมัยแรกที่ตนเป็น ส.ส. หลังเลือกตั้งก็เกิดการลุกฮือของประชาชนเพื่อล้มเผด็จการ รสช. มีการพยายามเขียนกติกาเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งคนร่างคือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เหมือนกัน อีกทั้ง ผบ.ทบ. ในสมัยกันกับในตอนนี้ยังนามสกุลเดียวกันเสียอีก

ในเรื่องเศรษฐกิจ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล จะขอเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้นก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และรับประกันว่าทำได้ใน 6 เดือนแน่นอน เพราะนาฬิกาของเพื่อไทยเดินตรง ไม่ได้ยืมใครมา  นอกจากนี้ยังได้พูดย้อนไปถึงสมัยตอนทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งสามารถทำได้สำเร็จภายใน 6 เดือนที่เริ่มเป็นรัฐบาลเช่นกัน  สำหรับนโยบายอื่นๆ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะปราบปรามปัญหายาเสพติด ทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุน จะมีกองทุนการศึกษาในระดับตำบลเพื่อให้โอกาสกับเยาวชน และจะทำโอท็อปหนึ่งตำบลหนึ่งของฝาก เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว

และในตอนท้ายของการปราศรัย คุณหญิงสุดารัตน์ได้ย้ำว่าทุกคนต้องเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะอย่างถล่มทลาย เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่จะสามารถแข่งขันในการตั้งรัฐบาล กับ ส.ว. ที่มีอยู่ 250 เสียงได้

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นเวทีปราศรัยในวันนี้ โดยได้กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตอนนี้เปรียบเสมือนดอกมะลิตอนบ่าย เพราะว่าไม่หอมแล้วหลังจากผ่านมา 5 ปี  อีกทั้งยังได้แนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าอย่าไปคบกับพรรคประชาธิปัตย์ สุดท้ายได้ตอกย้ำให้ประชาชนไปเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยกันให้มากๆ เพราะว่าหากเลือกไม่มาก ตนซึ่งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อลำดับที่ 6 ของพรรคอาจจะไม่ได้เป็น ส.ส.  ทั้งนี้ในระหว่างการปราศรัย ร.ต.อ.เฉลิม ได้พูดพาดพิงถึงนักการเมืองจากพรรคอื่นๆ หลายคน ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นต้น

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า