เหตุการณ์การทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมบ้านเรา ซึ่งไม่แน่ว่าอาจมีสักครั้งที่เรากลายเป็นผู้พบเห็นเหตุร้ายดังกล่าวตรงหน้า
เฉกเช่นกรณีล่าสุดที่สังคมต่างพุ่งเป้าให้ความสนใจ กับการที่ชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์การทำร้ายร่างกาย แต่กลับไม่เข้าไปช่วยเหลือ
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ วันนี้ (22 ก.ค. 61) ในช่วงดึกที่ผ่านมา เมื่อสาวผมสั้นใช้หมวกกันน็อกฟาดเข้าที่ใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นแฟน ทั้งที่คบหากันมาถึง 7 ปี อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อย จิกหัวลากไปกับพื้น ต่อด้วยกระทืบซ้ำร่วม 10 นาที จนหญิงสาวอยู่ในสภาพสะบักสะบอม เลือดไหลอาบหน้า
ซึ่งในขณะเกิดเหตุ มีชายผู้อาศัยร่วมหอพักผ่านมาพบเจอ แต่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย เพียงแค่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เฉยๆ จนกระทั่งมีพลเมืองดีเข้ามาช่วย สาวผมสั้นคนดังกล่าวจึงได้ขับรถออกจากที่พักไป โดยเหตุการณ์ทั้งหมดถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิด
https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/1877119128993077/
ต่อมาหญิงสาวที่ถูกทำร้ายได้รับการนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งมีบาดแผลฉีกที่ปาก ต้องเย็บ 5 เข็ม กระดูกเบ้าตาแตก อาการตอนนี้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังทานอาหารเองไม่ได้ ต้องบดยาทานอย่างทรมาน
แม่ผู้ถูกกระทำ ระบุว่า ญาติของสาวผมสั้นติดต่อมาขอเจรจาให้จบเรื่อง ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากันไม่ลงตัว แม่ผู้ถูกกระทำเรียกค่าเสียหาย 1 แสนบาท เพราะลูกสาวบาดเจ็บสาหัส แต่อีกฝ่ายเสนอให้ 5 หมื่นบาท
นอกจากนี้ ผู้โพสต์คลิปเหตุการณ์นี้ระบุด้วยว่า ญาติของสาวผมสั้นติดต่อมาให้ลบคลิป ไม่เช่นนั้นจะฟ้อง แต่ตนไม่ลบ เพราะสงสารฝ่ายหญิงที่ถูกกระทำ

ภาพ: ภานุมาศ สงวนวงษ์ / Thai News Pix
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาของวันนี้ (22 ก.ค.) หญิงสาวที่ถูกสาวผมสั้นทำร้ายเดินทางไป สน.พหลโยธิน พร้อม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อให้ปากคำกับตำรวจ
โดยตำรวจระบุ ตามขั้นตอนต้องออกหมายเรียกสาวผมสั้นที่เป็นผู้ต้องหามาในสัปดาห์หน้า ถ้าไม่มา 2 ครั้ง จึงจะเป็นขั้นตอนการออกหมายจับ เบื้องต้นคือ ข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ต้องรอผลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ชายในคลิป ทำไมไม่ออกมาช่วยห้าม ซึ่งชายในคลิปได้ออกมากล่าวในภายหลังว่า ถูกสาวผมสั้นขู่ไม่ให้บอกใคร และไม่ให้แจ้งความ นอกจากนี้ ยังมีผู้ระบุว่าเป็นคนในคลิปที่โพสต์ข้อความว่าอยากออกไปช่วย แต่คีย์การ์ดประตูเสียมาหลายวันแล้ว จึงเปิดเองไม่ได้ ด้านหญิงสาวอีกคนที่มาช่วยสาวที่ถูกทำร้าย ยืนยันว่าประตูเสียจริงๆ
แล้วถ้าเป็นคุณที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ล่ะ คุณจะทำอะไรได้บ้าง
- หากช่วยได้ ให้เข้าไปช่วยเหลือ หากไม่ช่วยจะมีความผิดตามกฎหมาย
ทนายความคนหนึ่งโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า กรณีที่เกิดการทำร้ายร่างกายถึงขั้นเป็นภยันตรายกับชีวิต ผู้พบเห็นเข้าช่วยได้และไม่น่าจะต้องกลัวเป็นอันตรายแก่ตนเอง แต่หากไม่ช่วยตามจำเป็น มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 374
2. โทร.แจ้งตำรวจ หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้เร่งด่วน
หากพิจารณาเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วว่า อาจจะเป็นอันตรายแก่ตัวเรา ทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือผู้ที่ถูกทำร้ายได้ คือการโทร.แจ้งเหตุกับตำรวจที่เบอร์ 191 หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 หรือมูลนิธิปวีณาฯ สายด่วน 1134 (ทั้ง 3 หมายเลข โทร.ได้ตลอด 24 ชั่วโมง)
- รีบไปตามคนมาช่วย
แม้จะถูกคนร้ายขู่ แต่ก็ต้องหาวิธีและหาทางตามคนมาช่วยให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยกันระงับเหตุมิให้ลุกลามบานปลาย
เหตุการณ์ร้ายๆ สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ถูกกระทำ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากเราคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ จงอย่าดูดาย เมินเฉย หรือเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตน เพราะวันหนึ่งคนที่ถูกทำร้ายอาจเป็นเรา หรือคนที่เรารักก็เป็นได้
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews