SHARE

คัดลอกแล้ว

ในการเลือกตั้ง 62 ครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ถ้ามีพรรคการเมืองไหนได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนถึง 28 ล้านเสียง พรรคนั้นจะสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ทันที เนื่องจากพรรคดังกล่าวจะได้ ส.ส. อย่างน้อย 376 คน เพียงพอต่อการเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภาซึ่งมี ส.ส. และ ส.ว. รวมกัน 750 คน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงสถานการณ์สมมติที่คงเกิดขึ้นได้ยาก

ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศมีทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านคน และเมื่อดูสถิติการเลือกตั้งย้อนหลัง 2 ครั้งหลังสุด (ปี 50 และ 54) พบว่ามีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์ประมาณ 75% ฉะนั้นแล้ว ถ้ายึดว่าในการเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คนไทยคงออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในสัดส่วนไม่ต่างจากเดิมนัก ก็แปลว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจริงประมาณ 37.5 ล้านคน

และตามกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดไว้ว่า ส.ส. และ ส.ว. รวมกัน 750 คนจะเป็นผู้ร่วมกันเลือกนายกรัฐมนตรี นั่นแปลว่าผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ จะต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อย 376 เสียง จึงจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีและตั้งรัฐบาลได้

ฉะนั้นแล้ว หากพรรคการเมืองใดอยากตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โดยไม่ต้องไปจับมือกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อเป็นรัฐบาลผสมให้ยุ่งยาก ก็จำเป็นที่จะต้องได้ ส.ส. จากการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างน้อย 376 เสียง จากจำนวน ส.ส. ที่มีทั้งหมด 500 ที่นั่ง หรือก็คือต้องครองที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ 75.2%

และด้วยระบบเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จำนวน ส.ส. ทั้งหมดของแต่ละพรรคจะถูกกำหนดจากเสียงสนับสนุนที่พรรคการเมืองนั้นๆ ได้จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ หากได้จำนวน ส.ส. เขตรวมน้อยกว่าจำนวน “ส.ส. พึงมี” พรรคการเมืองนั้นๆ ก็จะได้รับการจัดสรร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อไปเพิ่ม

ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่จะเป็นตัวกำหนดว่าแต่ละพรรคจะมี ส.ส. ในสภากี่คน คือจำนวนเสียงโหวตที่พรรคนั้นๆ ได้รับรวมจากทั่วประเทศ ไม่ใช่จำนวนเขตที่พรรคนั้นชนะเลือกตั้ง โดยจำนวนเขตที่ชนะจะเป็นเพียงตัวกำหนดจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่พรรคจะได้รับการจัดสรรเพิ่มเท่านั้น

นั่นเท่ากับว่า พรรคการเมืองที่ต้องการจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนทั่วประเทศอย่างถล่มทลายด้วย นั่นก็คือได้รับเสียงโหวตจากคนไทยที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างน้อย 75.2% หรือคิดเป็นประมาณ 28.2 ล้านคนนั่นเอง (75.2% x 37.5 ล้านคน = 28.2 ล้านคน)

ฉะนั้นแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ถ้าพรรคการเมืองใดได้เสียงโหวตจากประชาชนทั่วประเทศถึง 28 ล้านเสียง ก็จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ทันที โดยที่ไม่ต้องไปจับมือกับพรรคการเมืองอื่น อีกทั้งยังไม่ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. 250 คนด้วย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงสถานการณ์สมมติที่คงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะหากเทียบกับการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2554 พรรคเพื่อไทยที่กวาด ส.ส. ไปเกินครึ่งสภา ยังได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนทั่วประเทศเพียงประมาณ 15 ล้านเสียงเท่านั้น

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า