SHARE

คัดลอกแล้ว

เศรษฐกิจเชียงใหม่กำลังจะตาย ผู้คนเป็นอย่างไรกันบ้าง

หากพูดถึงเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่ตอนนี้ เชื่อว่าสภาพบรรยากาศการค้าขาย การใช้ชีวิต และความรู้สึกของผู้คนในจังหวัดแห่งนี้คงไม่ได้ต่างจากเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจอื่นๆ ของประเทศไทยมากนัก ด้วยปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพที่สูงขึ้น กำลังซื้อของผู้คนที่ถดถอย การพึ่งพารายได้จากภาคธุรกิจท่องเที่ยว และบริการมากเกินไป (คิดเป็นมากกว่า 70% ของรายได้รวมของจังหวัด) ทำให้ความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจของจังหวัดจะอยู่ที่นักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ

แต่จนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 67 ดูเหมือนว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะยังห่างไกลเป็นอย่างมากจากตัวเลขก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยวันที่ 19 มกราคม 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในปี 2567 รวมทั้งปีอยู่ที่ 5.2 ล้านคนเท่านั้น แม้จะปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 3.5 ล้านคน แต่เมื่อเทียบกับตัวเลขก่อนโควิดที่ 11 ล้านคนเรียกว่ายังไม่ถึงครึ่งของที่เคยมา

นอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้วเชียงใหม่ยังเจอปัญหาฝุ่นควัน หรือ PM 2.5 โดยช่วงเดือนมีนาคม 67 ที่ผ่านมา เชียงใหม่ ขึ้นอันดับ 1 ของเมืองหลักคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลก จนหน่วยงานภาครัฐต้องออกมาแนะนำให้ประชาชนงดออกทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้กระทบภาพลักษณ์ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้

เมื่อคนมาเที่ยวน้อยลง เศรษฐกิจก็ไม่ดี นำมาซึ่งการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลง คนเริ่มมองหาความคุ้มค่าในการใช้เงินมากขึ้น เรื่องนี้กระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาคท่องเที่ยวและบริการอย่าง ‘รถแดงสาธารณะ’ ที่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน เพราะนอกจากจะเจอปัญหาข้างต้นแล้ว พวกเขายังเจอการดิสรัปจากธุรกิจเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันที่มอบความคุ้มค่า รวมถึงคุณภาพการบริการได้ดีกว่าพวกเขา ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ‘รถแดง’ ซึ่งเป็นของคู่กับเมืองเชียงใหม่มานานควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดี

ขณะที่อีกหนึ่งธุรกิจสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเชียงใหม่อย่างร้านอาหาร ทางชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารบอกว่า 5 เดือนแรกของปี 2567 ร้านอาหารทยอยปิดตัวลงไปกว่าร้อยละ 40 และการปิดตัวอาจจะพุ่งสูงถึงร้อยละ 50 ในสิ้นปีนี้ ถ้าหากยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากหน่วยงานภาครัฐ

คุณธนิต ชุมแสง นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า “การระบาดของ โควิด-19 หลายระลอกที่ผ่านมาส่งผลให้ร้านอาหารทยอยปิดกิจการไปกว่าร้อยละ 70 โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดเล็กและกลางที่ยืนระยะไม่ไหวก็จำต้องปิดตัวลง”

แต่หลังสถานการณ์โควิดจบลง ผู้ประกอบการที่อยู่รอดก็ต้องเผชิญกับปัญหาใหม่อย่างต้นทุนการผลิตที่สูง การเรียกเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจจริงๆ ในขณะนี้ แถมด้วยมุมมองความรู้สึกที่ว่าภาครัฐพูดเยอะ แต่ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้จริงในแง่ความช่วยเหลือที่จะมาถึงผู้ประกอบการ โดยเฉพาะนโยบายการสนับสนุนอาหารเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งยังไม่เห็นแนวทางการผลักดันหรือดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อไปสู่เป้าหมายตรงนั้นอย่างจริงจัง

สอดคล้องไปกับตัวเลขของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่าเดือนมิถุนายน 67 ที่ผ่านมาภาคเหนือ 17 จังหวัดมีการจดทะเบียนเลิกกิจการสูงถึง 190 ราย คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 285.51 ล้านบาท โดยเชียงใหม่มีกิจการที่ปิดตัวไปแล้วอยู่ที่ 69 ราย หรือประมาณ 1 ใน 4 ของภาคเหนือ

หากถอยออกมาดูภาพใหญ่ตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 67) ภาคเหนือมีธุรกิจล้มหายตายจากไปแล้วมากถึง 926 ราย โดยแบ่งเป็นบริษัทจำกัด 487 ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด 438 ราย ห้างหุ้นส่วนสามัญ 1 ราย และเมื่อเทียบกับทั้งประเทศที่มีการปิดกิจการมากถึง 6,039 ราย แค่ภาคเหนืออย่างเดียวคิดเป็นถึงเกือบ 1 ใน 6 เลยทีเดียว

นาทีนี้หากเรามองทั้งปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งปัจจุบันยังห่างไกลจากจุดเดิม รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจประเทศที่ดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หนี้ครัวเรือนที่พอกพูน ต้นทุนการกู้ยืมที่แพง และต้นทุนค่าครองชีพอย่าง การเดินทาง การกิน และการอยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยกดดันให้กำลังซื้อของคนเชียงใหม่ลดน้อยถอยลง

เมื่อบวกเข้ากับการปิดกิจการของธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจการบริการ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเชียงใหม่มาโดยตลอด รวมถึงการจ้างงานที่มีคู่แข่งจากแรงงานประเทศเพื่อนบ้านที่ค่าแรงถูกกว่าในคุณภาพใกล้เคียงกันเข้ามาเป็นทางเลือก

ยิ่งเป็นข้อยืนยันว่า… จากนี้ชีวิตคนเชียงใหม่จะต้องจมอยู่กับสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากเกินกว่าพวกเขาจะจินตนาการได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า