จากเหตุการณ์ชายคนหนึ่งบุกเข้าไปกราดยิงในมัสยิดที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ทำให้บทบาทของสื่อและแพลตฟอร์มออนไลน์ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง
หลังเหตุการณ์ร้ายแรงจนมีผู้เสียชีวิตถึง 49 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจนิวซีแลนด์ประกาศผ่านทวิตเตอร์ ขอให้ทุกคนหยุดแชร์วีดีโอถ่ายทอดสดเหตุการณ์โดยด่วน แต่เดอะเดลีเมลล์ (Daily Mail) สื่อเจ้าใหญ่ของอังกฤษกลับอัปโหลดคำประกาศของผู้ก่อเหตุขนาด 74 หน้าลงเว็บไซต์ ปล่อยให้ผู้อ่านดาวน์โหลดและเข้าถึงเนื้อหาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังได้ทันที ไม่ใช่แค่เดลีเมลล์เจ้าเดียว แต่สื่ออังกฤษอีกหลาย ๆ เจ้าก็ฝ่าฝืนคำร้องขอของเจ้าหน้าที่ด้วยการเผยแพร่ภาพวีดีโอของเหตุการณ์จนกระจายไปทั่วโซเชียลมีเดีย
หลังเกิดการโจมตีที่ตัวฆาตกรเป็นผู้ไลฟ์สดเองผ่านช่องทางต่าง ๆ เจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างยูทูป ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค และเรดดิท (Reddit) ต่างการพยายามลบวีดีโอที่ถูกแชร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านแพลตฟอร์มของตน ยูทูปออกมาแถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า “เราเสียใจกับเหตุการณ์แสนสลดที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์ โปรดทราบ่าขณะนี้เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อลบคลิปความรุนแรงทั้งหมด”
ขณะที่มีอา การ์ลิคก์จากเฟซบุ๊กนิวซีแลนด์ก็เผยว่า “เราขอส่งใจให้เหยื่อและครอบครัวตลอดจนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำอันร้ายกาจนี้ ตำรวจนิวซีแลนด์แจ้งเราเรื่องการถ่ายทอดสดทันทีที่คลิปไลฟ์เริ่มต้นขึ้น เราก็ได้ลบทั้งบัญชีเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมตลอดจนวีดีโอของผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ยังได้ลบความเห็นต่าง ๆ ที่เป็นไปในเชิงเห็นด้วยหรือชื่นชมการก่อการณ์ครั้งนี้ เราจะดำเนินการทำงานร่วมกับตำรวจนิวซีแลนด์เพื่อสืบสวนต่อไป”
แม้จะมีความรับผิดชอบตามที่เว็บแพลตฟอร์มทั้งสองได้แถลง แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ากสังคมให้รับผิดชอบมากกว่านี้ เพราะการโจมตีครั้งงนี้ถือว่าเว็บไซต์แพล็ตฟอร์มออนไลน์ถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยตรง
ทอม วัตส์สัน รองหัวหน้าพรรคแรงงานของอังกฤษก็ได้ให้ความเห็นต่อเหตุการณืว่า “บริษัทเว็บไซต์ไม่สามารถนำวีดีโอลงได้อย่างทันท่วงที หรือดำเนินการห้ามคลิปถูกอัปโหลดใหม่ ผมจะส่งจดหมายไปขอให้เราอธิบายว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่น่าสลดนี้ นอกจากนี้ผมจะคุยกับฝ่ายรัฐบาลอังกฤษให้ดำเนินการเรียกร้องให้เว็บไซต์แพลตฟอร์มออนไลน์รับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้”
นอกจากนี้ วัตส์สันยังได้กล่าวถึงบทบาทที่น่าผิดหวังของสื่ออังกฤษด้วย เพราะกลับเป็นตัวกลางส่งต่อทั้งวีดีโอและคำแถลงการณ์ของผู้ฆ่า
หนังสือพิมพ์เมลล์ ออนไลน์ (Mail Online) เล่าเรื่องโดยโพสต์วีดีโอการก่อการร้ายแนบได้ด้วย วีดีโอดังกล่าวยังไกลตามผู้อ่านเมื่อเลื่อนขึ้นลงในเพจ นอกจากนี้ยังเขียนอีกข่าวหนึ่งที่มีเนื้อหาเจาะลึกคำประกาศของผู้ฆ่า แถมยังอัปโหลดเวอร์ชั่น pdf ให้ผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดได้อีก โดยหนังสือพิมพ์ปฏิเสธให้ความเห็น แต่โฆษกของบริษัทก็ได้ออกมาบอกว่าเป็นข้อผิดพลาดและได้แก้ไขทันทีที่ทราบ
แทปลอยด์ชื่อดังอย่างเดอะซัน (The Sun) ก็ได้เผยแพร่วีดีโอที่มีการแก้ไขแล้ว ตลอดจนภาพเคลื่อนไหว (GIF) ที่เผยภาพผู้ก่อการเข้าไปในมัสยิดก่อนโจมตี โดยภายหลังเดอะซันชี้แจงว่าภาพวีดีโอดังกล่าวได้ตัดภาพความรุนแรงออกไปหมดแล้ว แต่ก็เกิดข้อโต้แย้งว่าทำให้ความตั้งใจจะแพร่ภาพเหตุการณ์ของผู้ก่อเหตุสัมฤทธิ์ผล
เหตุการณ์เช่นนี้ยังเกิดขึ้นกับสื่อแทปลอยด์หัวอื่น ๆ ของสหราชอาณาจักรและออสเตรเีย ตั้งคำถามว่าในกรณีที่อาชญากรต้องการให้งานของเขาเผยแพร่ออกไป การรายงานข่าวอาจจะต้องลดทอนบางอย่างหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้การก่ออาชญากรรมสำเร็จตามความมุ่งหมายซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเอาอย่าง