ผกก.สภ.เปือยน้อย ชี้แจงคลิปตำรวจล็อกคอวัยรุ่นชายหน้าร้านสะดวกซื้อกลางดึก เหตุเมาสุราและใช้วาจาไม่สุภาพจึงใช้ตามยุทธวิธีเพื่อระงับเหตุ
เมื่อเวลา 02.20 วันที่ 26 พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก หยก ชมดาว ได้แชร์คลิปวีดีโอพร้อมระบุข้อความว่า “#ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ถึงขั่นล๊อคคอกันเรยเหตุเกิดเพราะจอดซื้อลูกชิ้น ณ หน้าเซเว่น สภ.ปลือยน้อย จ.ขอนเเก่น ดูคลิปพิจารณาเอานะครับว่าใครผิดใครถูกผมเเยกไม่ออก”
เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่ตำรวจสภ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น พยามเข้าควบคุมตัวชายวัยรุ่น ที่จอดรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บริเวณถนนหน้าร้านสะดวกซื้อ จากคลิปจะเห็นว่าชายคนดังกล่าวได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์เพื่อให้นำหลักฐานมาแสดงความเป็นเจ้าของ พร้อมกับมีการใช้คำพูดที่ไม่สุภาพกับตำรวจ ก่อนที่ตำรวจจะเข้าควบคุมตัว ซึ่งภายหลังจากที่คลิปนี้ถูกส่งต่อในโลกออนไลน์ ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 27 พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ พูลเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเปือยน้อย จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ย.61 เวลาประมาณ 01.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งมีวัยรุ่นจับกลุ่มอยู่บริเวณถนนด้านหน้าร้านสะดวกซื้อ จึงได้เข้าตรวจสอบ พบวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอด จึงเข้าไปแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ เเต่มีชายคนหนึ่ง ทราบชื่อภายหลัง นายจรัญ การประไพ อายุ 30 ปี โวยวายไม่ยอมให้ตรวจสอบ ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ ไม่แสดงหลักฐานทางทะเบียน และมีกิริยาอาการคล้ายคนเมาสุรา ตำรวจจึงเข้าไปพูดคุยชี้แจงทำความเข้าใจ แต่นายจรัญ เอะอะโวยวาย ส่งเสียงดัง ไม่ยอมให้ความร่วมมือ และใช้วาจาไม่สุภาพ ท้าชกตำรวจประกอบกับได้กลิ่นแอลกอฮอล์ขณะเข้าใกล้ จึงขอเชิญตัวเพื่อจะนำมาสงบสติอารมณ์ แต่นายจรัญดิ้นรนขัดขืนไม่ให้ความร่วมมือ จึงใช้ยุทธวิธีเข้าควบคุม
จากนั้นจึงนำตัวมายัง สภ.เปือยน้อย และทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ผลปรากฎว่าปริมาณแอกอฮอล์อยู่ที่ 164 มก.% จึงดำเนินคดีในข้อหา 1.เป็นผู้ขับรถขณะเมาสุรา 2.นำรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ 3.ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต(ไม่มีใบขับขี่) ต่อมาพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลจังหวัด ในข้อหาเป็นผู้ขับขี่ในขณะเมาสุรา ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 พ.ย.61 ให้ลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 3,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ 4 ครั้ง และบริการสังคม 24 ชั่วโมง