SHARE

คัดลอกแล้ว

พ่อ-แม่ ร้องขอความเป็นธรรม หลังเจ็บท้องรอคลอด เห็นลูกดิ้นผิดปกติจึงเรียกพยาบาลที่ดูแล นอนอยู่ตรงข้าม แต่กลับไม่ลุกมาดู ได้แต่ตะโกนบอกข้ามเตียง สุดท้ายรกพันคอลูกตายในท้อง อยากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์

วันที่ 6 ธ.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพ่อแม่คู่หนึ่ง ที่ตั้งท้องมา 9 เดือน อีกไม่กี่ชั่วโมงจะได้เห็นหน้าลูกชาย สุดท้ายกลับได้รับแจ้งว่าลูกถูกรกพันคอเสียชีวิตในท้องแม่ ก่อนได้รับคำตอบจากแพทย์ว่า เป็นเหตุการณ์สุดวิสัย แต่ทางครอบครัวมองว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากความสะเพร่าของคนเพียงคนเดียว จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม

หลังทราบเรื่อง ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้เสียหายเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง อยู่ภายในหมู่ที่ 9 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี พบกับ น.ส.ปริชาติ บัวทอง อายุ 41 ปี และนายวิเชียร ปานดาทอง อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ของ ด.ช.อภิวัฒน์ ปานดาทอง วัย 9 เดือน ผู้เสียชีวิต ที่ยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้าหลังเพิ่งทำพิธีฌาปนกิจศพลูกชายได้เพียงวันเดียว

น.ส.ปริชาติ บัวทอง ผู้เป็นมารดา เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนยังคงอยู่ในสภาพความเสียใจเหมือนใจแทบขาดสลาย ส่วนสามียังทำใจไม่ได้ ขอไม่พูดอะไร ให้ภรรยาพูดแทน แม้ก่อนหน้านี้ตนเองจะเคยมีลูกมีครอบครัวมาแล้ว แต่พอมาเริ่มต้นใหม่กับ นายวิเชียร ผู้เป็นสามี ลูกคนนี้ถือเป็นลูกชายคนแรกที่เป็นความหวังของครอบครัว ช่วงตั้งครรภ์ตนก็คอยดูแลประคบประหงมอย่างดี ไปตรวจสม่ำเสมอ ไม่เคยพบความผิดปกติใดๆ

น.ส.ปริชาติ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเช้าของวันที่ 28 พ.ย. 61 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น. อยู่ ๆ ตนก็ปวดท้อง จึงรีบพามาโรงพยาบาลประจำ อ.ปากท่อ พยาบาลห้องคลอดเวรเช้าบอกว่าปากมดลูกเปิดไม่เยอะ แต่ตนเองรู้สึกเจ็บท้องถี่มากขึ้นทุก 15–20 นาที โดยที่พยาบาลก็เข้ามาตรวจ และบอกว่าปากมดลูกยังเปิดไม่เยอะต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน รอจนถึง ตี 3 ตนเองก็รู้สึกว่าเจ็บท้องมากขึ้นน้ำเริ่มเดินแล้ว ซึ่งลูกก็ยังปกติดิ้นดี จนตี 4 ตนรู้สึกน้ำเดินมากขึ้นและเริ่มมีความรู้สึกผิดปกติของลูกที่ดิ้นแรงมากขึ้น และท้องเกร็งแข็ง ก่อนจะค่อยๆ เงียบลง ตนก็ได้ตะโกนบอกพยาบาล ซึ่งตนจะเรียกพยาบาลคนนี้ว่าหมอ “หมอหนูเจ็บมากแล้วนะ หนูไม่ไหวแล้วนะ ส่งตัวหนูไปโรงพยาบาลราชบุรีที” พยาบาลคนดังกล่าวก็ตอบกลับมาว่า ใบส่งตัวไม่ได้กันมาง่ายๆ หรอก เพราะโรงพยาบาลราชบุรีไม่ได้รับคนง่ายๆ และนี่มันก็ดึกแล้ว” ตนจึงบอกไปว่า “หนูเจ็บไม่ไหวแล้วนะ” พยาบาลก็ตอบกลับมาว่า “ทำยังไงได้ก็ต้องทนเอาสิ” ซึ่งตอนพยาบาลตอบ เขานอนพูดอยู่กับเตียงที่เขานอนอยู่ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเตียงของตนเอง พอมาจนถึงเวลา 5.00 น. พยาบาลคนดังกล่าวได้เดินเข้ามาตรวจดู ปรากฏว่าเด็กไม่หายใจจึงรีบตามหมอเข้ามาดู

เมื่อแพทย์เข้ามาและซาวด์ครรภ์ดูพบว่าเด็กไม่หายใจแล้ว ประมาณ 06.00 น. ก่อนจะตามพ่อของเด็กเข้ามา ซึ่งสามีคือ นายวิเชียร มาตั้งแต่ตี 4 แต่เขาไม่ให้เข้า และได้แจ้งสามีว่าเด็กเสียชีวิตแล้วในครรภ์ ตนจึงถามหมอกลับไปว่า “ทำไมตอนตี 4 ตนเจ็บท้องหนักทำไมไม่ส่งไปที่โรงพยาบาลราชบุรี ทำไมไม่ลุกขึ้นมา ทำไมไม่ช่วยหนู แล้วเอาแต่นอน ห่วงนอนทำไม” ตนก็ว่าตามนี้ จนกระทั่งนำศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านและเวลาเพียงแค่ 3 คืน ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจศพ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา

น.ส.ปริชาติ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องมามีหัวหน้าพยาบาลมากัน 3-4 คน มาช่วยเงินสดในการทำศพ 5,000 บาท โดยการมาเป็นเจ้าภาพงานศพ ส่วนในวันเผาไม่มีใครมาเลย

โดยเฉพาะพยาบาลที่ทำให้น้องเสียชีวิตก็ไม่มา ตรงนี้ตนเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่อยากออกมาเตือนเป็นอุทาหรณ์ พยาบาลต้องดูแลผู้ป่วย หากเห็นความผิดปกติ จะได้ไม่เกิดการสูญเสีย ที่ช้ำใจหนักคือ คำพูดของพยาบาลที่พูดว่า “ทำยังไงได้ก็ต้องทนเอาสิ” จนวันที่ลูกเสีย เขาก็ยังไม่มาเยี่ยมไม่มาร่วมงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนั้นตนและสามีรู้สึกเหมือนชีวิตพังทลาย

ขณะที่ นายวิเชียร ผู้เป็นสามี ยอมรับว่าตนเห่อ ตั้งใจจะตั้งชื่อลูกชายว่า “น้องโฮม” ชื่อจริงว่า “อภิวัฒน์” ไม่นึกว่าจะไม่มีโอกาสแม้แต่ได้เรียกชื่อลูก ตอนนี้พูดไม่ออกได้แต่เครียด แทนที่จะได้อุ้มลูกกลับมาอุ้มโรงศพลูกแทน และหลังจัดงานศพให้ลูกชาย ข้าวของที่เตรียมจะรับขวัญลูก ก็บริจาคให้กับคนอื่น เพื่อที่จะทำบุญให้กับดวงวิญญาณของลูก และไม่อยากจะเก็บไว้ให้สะเทือนใจ

ด้าน นางประมวล บัวทอง อายุ 65 ปี แม่ของ น.ส.ปริชาติ เล่าว่า ลูกเขยได้เดินมาบอกว่าเด็กเสียแล้ว เราก็ใจไม่ดี เพราะเด็กเสียชีวิตมา 1 ชั่วโมงกว่าแล้ว ตนก็กลัวลูกสาวเป็นอะไรไปด้วย ตนก็เข้าไปถามหมอ ก็ได้รับคำตอบว่าต้องทำตามขั้นตอนไปก่อน ตนก็ว่ากลับไปว่าเด็กเสียแล้วนะแล้วจะยังทำตามขั้นตอนอีกหรือ จนกระทั่ง 9.00 น. ตนเห็นว่านานมากจึงทนไม่ไหวจะเข้าไปดูลูกสาวเพราะเป็นห่วง แต่พยาบาลกลับปฏิเสธ บอกให้เราออกไปก่อน เดี๋ยวเร่งน้ำเกลือแล้วจะรีบนำเข้าห้องคลอดเลย ซึ่งในกรณีที่ตนเองถามไปว่า ทำไมตอนที่ชีพจรของเด็กจะเต้นอ่อนลงทำไมไม่ส่งตัวลูกสาวไปโรงพยาบาลราชบุรี ที่ช้ำใจสุดๆ คือการได้รับคำตอบว่า “ถึงส่งไปก็ตายอยู่ดี” คนก็เลยถามกลับไปด้วยความโกรธว่าถ้ามีถึง 5 ราย จะไม่ตายหมดทั้ง 5 รายเลยหรือ เขาก็นั่งอึ้งกับและก็ตอบมาว่า “พูดไปก็ไม่เข้าใจ” จากนั้นเขาก็ไม่พูดกับตนเองอีกเลย เมื่อตนเข้าไปพบหมอเขาก็อธิบายกรณีนี้ รกพันคอเด็ก เหมือนการผูกคอตาย ตนเองเลยถามทางหมอกลับไปว่า “ถ้าเห็นคนผูกคอตาย แล้วคุณหมอจะดูเขาผูกคอตายไปต่อหน้าต่อตาหรือคะ และเข้าก็ตอบกลับมาว่าอธิบายยาก โดยตนเองไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เพราะเกิดการสูญเสียไปแล้ว เพียงแต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ต่อคนทั่วไป

เบื้องต้นทราบว่า ครอบครัวของเด็กน้อยผู้เสียชีวิตกำลังรอการดำเนินการตามสิทธิ์ ที่ทางโรงพยาบาลดำเนินการให้ คือ มาตรา 41 การยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหาย จากการเข้ารับบริการ (มาตรา 41) พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ซึ่ง เกณฑ์การพิจารณาเงินช่วยเหลือ (1) เสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร ตั้งแต่ 240,000 ไม่เกิน 400,000 บาท (2) สูญเสียอวัยวะหรือพิการ ตั้งแต่ 100,000 ไม่เกิน 240,000 บาท (3) บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง ไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งญาติยังคงรอจากทางเจ้าหน้าที่ที่แจ้งว่าจะเข้ามาดำเนินการให้

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า