แย้มช่องทางสู้ ทีม กม.ไทยรักษาชาติเทียบกรณีประชาธิปัตย์รอดยุบพรรค

“ปรีชาพล” ประชุมกรรมการบริหารไทยรักษาชาติ สรุปเอกสารสู้คดียุบพรรค กำชับไม่ให้พูดเรื่องคดียุบพรรคข้างนอกให้ดำเนินการชั้นศาลเท่านั้น ด้าน “เรืองไกร” ให้สัมภาษณ์อีกที่ เผยย้อนกลับไปอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 20 ปีหลังเจอช่องทางสู้ เทียบคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ รอดเพราะ กกต.ทำข้ามขั้นตอน

วันที่ 18 ก.พ. ร้อยโทปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมาที่พรรคเพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ในการยกร่างคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากรณียุบพรรค ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้ยื่นภายใน 7 วัน โดยกล่าวว่า หลังรับคำร้องจากศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ได้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งได้เตรียมการยกร่างใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจำนำเข้าหารือในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ก่อนจะยื่นแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวด้วยว่า จะมีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร ทั้งนี้ได้แจ้งกับกรรมการบริหารพรรคทุกคนว่าจะไม่นำเรื่องการยุบพรรคมาพูดข้างนอก จะดำเนินการในชั้นศาลเท่านั้น จะไม่มีกระบวนการใต้ดินและบนดินที่กดดันศาล จะทำทุกอย่างตรงไปตรงมา สำหรับผู้สมัครของพรรคที่ลงไปหาเสียงก็สื่อสารไปแล้วว่า ให้หลีกเลี่ยงไม่พูดเรื่องยุบพรรค

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวระหว่างยื่นเอกสารต่อ กกต.ขอให้มีการพิจารณาส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีการยุบพรรคพลังประชารัฐว่า กรณี กกต.ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากที่ดูคำร้องของ กกต.แล้ว มีการอ้างเหตุไม่ได้รับรองบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอ  กกต.ระบุในคำร้องว่า การยื่นของพรรคอาจจะเป็นปฏิปักษ์ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 92 (2) แต่ผลการประกาศ กกต.กลับอ้างมาตรา 14 ซึ่งตนเองก็ยังงงอยู่เหมือนกันที่อ้างไม่ตรงกัน

ส่วนขั้นตอนให้นายทะเบียนพรรคการเมืองไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามมาตรา 93 วรรคสอง ซึ่งต้องอ้างอิงไปที่ววรรคหนึ่ง ที่ระบุว่า เมื่อมีเหตุมาตรา 92 กกต.โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องสอบพยานหลักฐานโดยข้อเท็จจริงและจะต้องเสนอความเห็นก่อน แต่เท่าที่ดูตามคำร้อง กกต.ไม่ได้ปฏิบัติตรงนี้

“เมื่อผมเห็นตรงนี้ยิ่งไม่ห่วงว่า ผมจะได้เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อหรือพรรคผมจะถูกยุบหรือไม่ ผมว่าแทบจะไม่ถูกยุบได้เลย ผมอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปัจจุบัน ทั้งคำวินิจฉัยและคำสั่ง ผมก็นึกได้ว่าคำวินิจฉัยที่ กกต. เคยร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2553 ศาลรัฐธรรมนูญบอกเป็นการข้ามขั้นตอนในสาระสำคัญ ดังนั้นถ้าร้องพรรคไทยรักษาชาติ โดยที่นายทะเบียนยังไม่ทำความเห็น ยังไม่สอบข้อเท็จจริงตามระเบียบ กกต. ผมก็สบายใจ และเชื่อว่าองค์คณะทั้ง 9 ท่านก็ต้องเห็น เพราะเป็นคำวินิจฉัยท่านเอง”