วันที่ 30 มี.ค. 60สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร แสดงข้อกังวลอย่างมากต่อประมวลกฎหมายอาญาในประเทศบรูไน ซึ่งกำหนดการลงโทษโดยการปาหินจนเสียชีวิตกรณีมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน และการตัดอวัยวะกรณีลักทรัพย์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในบรูไน ดารุสซาลาม ในสัปดาห์หน้า
“ประมวลกฎหมายอาญาของบรูไนที่กำลังมีผลบังคับใช้ กำหนดโทษปาหินและการตัดอวัยวะ รวมทั้งการลงโทษต่อเด็ก เป็นส่วนหนึ่งของบทลงโทษที่โหดร้ายมากที่สุด… บรูไนต้องยุติแผนการลงโทษเช่นนี้ทันที และแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาให้สอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน ประชาคมระหว่างประเทศต้องประณามอย่างเร่งด่วนต่อการดำเนินงานของบรูไนที่จะทำให้การลงโทษอันโหดร้ายมีผลบังคับใช้” เรเชล ชาว โฮวเวิร์ด นักวิจัยประเทศบรูไน แอมเนสตี้ อินเตอร์ชั่นแนล กล่าว
การลงโทษดังกล่าวเป็นผลมาจากการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในส่วนของกฎหมายอิสลามของบรูไน ดารุสซาลาม ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายน 2562
ทั้งนี้จากการแจ้งเตือนแบบไม่เด่นชัดมากนักในเว็บไซต์ของสำนักงานอัยการสูงสุด เรเชล ชาว โฮวเวิร์ด กล่าวต่อว่า การกำหนดบทลงโทษที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมในกฎหมายเป็นเรื่องที่น่าละอาย ความผิดบางประการตามกฎหมายนี้ไม่ควรเป็นอาชญากรรม รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ด้วยความยินยอมระหว่างผู้ใหญ่สองคนที่มีเพศเดียวกัน
ซึ่งทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลแสดงข้อกังวลอย่างมากต่อประมวลกฎหมายอาญาฉบับนี้ ซึ่งในส่วนแรกเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 ว่า ประมวลกฎหมายอาญาของบรูไนมีข้อบกพร่องอย่างรุนแรง เพราะหลายข้อบทละเมิดสิทธิมนุษยชน
นอกจากกำหนดโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีแล้ว ยังเป็นกฎหมายที่จำกัดอย่างกว้างขวางต่อสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพด้านศาสนาและความเชื่อ ทั้งยังเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง