เหตุผลที่ “สิงคโปร์” ได้รับความไว้วางใจจัดประชุมให้ ทรัมป์-คิม

วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) สองผู้นำ “สหรัฐฯ และ เกาหลีเหนือ” จะได้มาพบหน้ากันเป็นครั้งแรก “สถานที่” จัดประชุมสุดยอดผู้นำ ที่ต้องคัดสรรเฟ้นกันทุกซอกทุกมุม ที่สุดประเทศที่ได้รับความไว้วางใจระดับโลกครั้งนี้ คือ “สิงคโปร์” อะไรคือเหตุผล “สิงคโปร์” สมควรอย่างยิ่งที่จะได้ทำหน้าที่นี้

สิงคโปร์ คือ จุดนัดพบครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่าง คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มิถุนายนนี้

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เมื่อเทียบกับประเทศในยุโรป เพราะอยู่ห่างจาก กรุงเปียงยาง ที่พำนักของ “ผู้นำคิม” เพียง 4,800 กิโลเมตร สามารถใช้เครื่องบินส่วนตัว บินมาได้รวดเดียว แบบไม่ต้องแวะเติมน้ำมัน เพราะหากเลือกไปยุโรป ท่านคิม คงต้องจอดหลายครั้ง อาจจะเสียลุคผู้นำนิวเคลียร์ของโลกได้ และอีกมุม! ทรัมป์ ยังได้ภาพที่ว่า “ต่อให้” เพราะจากสหรัฐฯ มาสิงคโปร์ ทรัมป์ ต้องเดินทางข้ามทวีป นำไปพูดได้ว่า “ฉันมาไกลกว่า”

ทั้งสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ มีสถานทูตอยู่ในสิงคโปร์ โดยสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 2509 (52 ปี)  ขณะที่ เกาหลีเหนือ มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 2518 (43 ปี)

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่เป็นกลางในแง่ภาพลักษณ์ความสัมพันธ์ ทั้งกับเกาหลีเหนือ และสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาไม่เคยแสดงออกว่าสนับสนุนประเทศใดเป็นพิเศษ รวมถึงเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และจีนด้วย

ปัจจัยสำคัญอีกอย่าง คือ “จีน” พี่ใหญ่ของเกาหลีเหนือเคยชื่นชม สิงคโปร์ ดังนั้น สิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศในใจของ ผู้นำคิม ในฐานะ “โมเดล” สำหรับการพัฒนาโสมแดง

วิวที่มองเห็น โรงแรมแชงกรีลา (ซ้ายมือในจอ) 1 ใน 2 โรงแรมที่คาดว่า จะใช้เป็นสถานที่จัดซัมมิต ของผู้นำเกาหลีเหนือ และ สหรัฐฯ

ที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด คือเรื่อง “ความปลอดภัยขั้นสูงสุด” แต่สำหรับ สิงคโปร์แล้วไม่ต้องมีความกังวลเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเมืองที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย มีระบบรักษาความปลอดภัยแข็งแกร่ง และเป็นที่ยอมรับว่า เป็นหนึ่งเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย โดยปี 2559 สิงคโปร์ อยู่ในอันดับ 8 เมืองที่มีความปลอดภัยส่วนบุคคลมากที่สุด จากการสำรวจ 230 เมืองทั่วโลก ของบริษัทเมอร์เซอร์ (Mercer) ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชื่อดัง

และคนสิงคโปร์ แม้จะเป็นเอเชีย แต่มีความคิดเหมือนฝรั่ง สิงคโปร์จึงมีความเป็นตะวันออกและตะวันตกอย่างสมดุล!!

ประเทศแห่งความสะดวกสบายในแง่การเดินทางทั้งทางน้ำ และอากาศ ยังมีที่กฎหมายเข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องการประท้วง หากไม่ได้รับอนุญาตห้ามจัดชุมนุมเคลื่อนไหวเด็ดขาด ซึ่งคนสิงคโปร์ เข้มงวดเรื่องระเบียบวินัยมาก อีกทั้งรัฐก็ควบคุมสื่อมวลชน ได้อย่างแนบเนียน และมีประสิทธิภาพสูง

ไม่แปลกใจที่ “ทรัมป์” ไม่คัดค้าน เพราะสิงคโปร์ เป็นคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ เป็นนักลงทุนเอเชียที่ใหญ่เป็นอันดับ 2  อีกทั้งเป็นประเทศที่สนับสนุนให้ทหารสหรัฐฯ อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของกูเกิล, เฟซบุ๊ก และอีกหลายบริษัทของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ด้วย

สิงคโปร์ ถือปรัชญาทำธุรกิจ ด้วยการต้อนรับหุ้นส่วนการค้าจากทุกประเทศ “โดยไม่เกี่ยวกับการเมือง” จึงได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลทั่วโลก เพราะทำงานเพื่อเป็นมิตรกับชาติอื่นๆ อย่างรอบคอบ

สิงคโปร์ เป็นประธานอาเซียนในปีนี้ (พ.ศ.2561) ขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียน เคยมีบทบาทให้เกาหลีเหนือเปิดตัวเองสู่โลกภายนอก ผ่านการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) “อาเซียน” โดย สิงคโปร์ จึงเป็นเวทีเดียวในโลกที่ผู้นำทั้งสองประเทศ มาพบกันได้อย่างสบายใจ

(ผู้นำไต้หวันในขณะนั้น กับ ปธน.จีน เคยพบกันที่สิงคโปร์ อีกหนึ่งเหตุการณ์เซอร์ไพรส์โลก เมื่อปี 2558)

และไม่ใช่ครั้งแรกที่สิงคโปร์ ได้ทำหน้าที่เป็น “จุดนัดพบสันติภาพ” ประสานรอยร้าวของ คนที่ไม่เชื่อใจกัน เพราะเมื่อปี 2558 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และ นายหม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีไต้หวัน ในขณะนั้น ก็เคยเลือก สิงคโปร์ ให้ทำหน้าที่ เป็นสถานที่ประชุมซัมมิตครั้งแรกหลังสิ้นสงครามโลก ครั้งที่ 2 หรือกว่า 70 ปีที่ จีนและไต้หวันแยกแผ่นดินจากกันมาแล้ว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

• ปธน.สิงคโปร์ สายตรงทรัมป์ พร้อมจัดประชุมมะกัน-โสมแดง
• ‘สิงคโปร์’ อาจเป็นสถานที่พบปะผู้นำมะกัน-โสมแดง