SHARE

คัดลอกแล้ว

พ่อเมืองเชียงรายเปิดใจ 7 แผนค้นหา 13 ชีวิตติดถ้ำ พร้อมแจงรายละเอียดทุกอย่างจากภาพความคืบหน้าเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ทั้งเรื่องรีบเร่งเข้าถ้ำ และเรื่องรถพยาบาล ลั่น “ไม่พร้อมจะสูญเสียคน”

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 28 มิ.ย.61 นายณรงค์ศักดิ์  โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เปิดเผยกับ “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” ถึงเหตุการณ์การสูบน้ำและการถอนกำลังทหารออกจากถ้ำ ช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือผู้สูญหายภายในถ้ำ 13 คน ว่า เนื่องจากสถานการณ์มีความเสี่ยง จึงตั้งใจจะถอยภารกิจออกมาครึ่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถที่จะตั้งรับได้ไหว เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าภายในถ้ำช่วงกลางดึกเอ่อล้น กินพื้นที่เข้ามาอีก 500 ม. ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่ก้อนใหญ่มาก ขึ้นระดับ 30 ซม. ทุก 10 นาที จึงตัดสินใจสั่งการย้ายสัมภาระและถอนกำลังคนทั้งหมดออกจากถ้ำ เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์ความเสี่ยงและไม่พร้อมจะสูญเสียคน

ผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อมาในช่วงตี 3 ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งตัดสินใจถูกมาก และตัดระบบไฟจุดสำคัญได้ทัน ซึ่งยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนการทำสงครามกับธรรมชาติ และรู้สึกเสียใจ แต่มีความจำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทางในการชิงพื้นที่กลับมาให้ได้ โดยที่ผ่านมาใช้แผนในการปฏิบัติงานค้นหาผู้สูญหาย 4 แผนด้วยกัน คือ

  1. การระบายน้ำเพื่อเปิดเส้นทางให้หน่วยซีลเข้าไปค้นหาผู้สูญหายได้สำเร็จ ซึ่งค่อนข้างแน่ชัดว่าเป้าหมายอยู่ภายในถ้ำ 2 เนินสุดท้ายแน่นอน เนื่องจากพบว่า กลุ่มเด็กเคยเข้าไปเล่นและมีความชำนาญในพื้นที่ดังกล่าว สามารถรู้ในจุดหลบภัยของเส้นทางน้ำได้ นอกจากนี้ ได้เปิดเผยว่า ได้มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ครอบหน้าสำหรับเด็ก ที่สามารถหายใจได้ไว้แล้ว 6 ตัว
  1. แผนการส่งทีม 32 ทีม กระจายสำรวจปล่องรอบนอกบริเวณถ้ำ ผลการปฏิบัติการสามารถเปิดจุดสัมพันธ์ได้แล้ว 3 จุด และพบว่ายังมีอีกจุดสำคัญที่จะเตรียมการเข้าสำรวจในวันพรุ่งนี้ ซึ่งการเปิดจุดที่ 4 ขึ้นอยู่กับการทำงานใน 3 จุดแรก ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ หลังจากล่าสุดสามารถเปิดจุดได้แล้วถึง 50 ม. ซึ่งหากมีการเสริมเครื่องมือในการทำงานลงไป จะสามารถเห็นลักษณะภายในโถงได้ทั้งหมด ซึ่งวันนี้สามารถนำอุปกรณ์นั้นมาใช้งานได้แล้ว และหากพบว่าโถงที่สำรวจนั้นมีความปลอดภัย จะเปิดพื้นที่และหย่อนอาหารลงไปก่อน และหากสามารถเปิดจุดลักษณะนี้ได้หลายจุด จะส่งเจ้าหน้าที่โรยตัวลงไปสำรวจทันที

และหากพบว่าพื้นที่จุดนั้นมีเด็กติดค้างอยู่ แผนการกู้ชีพคือจะไม่นำตัวเด็กออกจากถ้ำโดยทันที แต่จะใช้วิธีนำอาหารและน้ำ พร้อมเข้าไปดูแลความปลอดภัยและสุขภาพภายในถ้ำก่อน เนื่องจากเกรงว่า หากนำตัวเด็กขึ้นมาทันที จะส่งผลกระทบต่อสายตาที่ปรับแสงไม่ทัน และปอดที่หายใจในอากาศชื้น มีความจำเป็นต้องปรับสภาพร่างกายก่อน แต่หากพบว่าสภาพร่างกายของเด็กมีความพร้อมที่จะนำตัวออกมาได้ ก็จะนำออกมาเลย

  1. จะบุกจากหลังถ้ำ เนื่องจากมีการสำรวจพบว่า มีธารน้ำไหล และในบริเวณใกล้กันมีช่องที่มีน้ำออกมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในคืนนี้
  2. การนำเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่สามารถสแกนภูเขาได้ หากพบว่าจุดไหนบาง สามารถเจาะผนังได้ แต่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจที่จะเลือกเจาะบริเวณด้านข้าง เนื่องจากลักษณะของภูเขาเป็นหินปูน หากเกิดระเบิดจากเพดานถ้ำ จะเกิดความเสี่ยงอันตรายต่อผู้อยู่ในถ้ำได้ แต่เครื่องจักรนี้มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักที่มากถึง 2 ตัน จึงไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถยกขึ้นไปสแกนได้
  3. ประสานขอเครื่องเจาะบาดาลจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทำการเจาะสูบน้ำจากโพรงถ้ำออกมาได้ทันที ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ
  4. ใช้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติคือ นักประดาน้ำจากอังกฤษ 3 คน ซึ่งเป็นนักดำน้ำถ้ำที่มีความสามารถสูง และ 1 ใน 3 เคยดำน้ำที่ถ้ำแห่งนี้ด้วย ซึ่งวันนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำการสำรวจแล้วนานกว่า 5 ชม. เพื่อประกอบการทำแผนที่ทางน้ำใช้ในการค้นหาต่อไป
  5. ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 32 นาย จำนวนหนึ่งแยกเข้าที่พักอยู่เซฟเฮาส์ พร้อมอุปกรณ์ที่นำมาช่วยเหลือภารกิจครั้งนี้ จำนวน 4 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเชื่อว่าอุปกรณ์ที่ได้มาจะมีประโยชน์ โดยทีมกู้ภัยของสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาแล้วว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนเหมาะสำหรับช่วยเหลือในจุดใด ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครื่องมือที่ดีมากกว่าที่เรามี

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดของปฏิบัติการล่าสุดของการเจาะน้ำบาดาลในคืนนี้ว่าเป็นที่น่าพอใจ และดีกว่าหยุดในการทำงาน ยืนยันจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือทั้ง 13 คนให้ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้ ยังไม่พบผู้สูญหายทั้ง 13 คน สำหรับการเตรียมรถพยาบาล 13 คัน เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นเพียงการทดสอบระบบของทีมแพทย์

ส่วนการเดินทางของนายกรัฐมนตรีที่จะมาติดตามภารกิจในวันพรุ่งนี้ จะมีข่าวดีให้นายกรัฐมนตรีรับทราบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสูบน้ำในคืนนี้ว่า เป็นผลที่น่าพอใจก่อน 6 โมงเช้า และการเจาะโพรงเข้าสำรวจได้สำเร็จหรือไม่

 

ติดตามข่าวที่น่าสนใจได้ที่ http://www.workpointnews.com

Facebook / https://www.facebook.com/WorkpointNews/

Instagram / https://www.instagram.com/workpointnews/

Twitter / https://twitter.com/workpoint_news

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า