ตั้งกรรมการสอบ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่รักษาคนไข้ถูกไฟไหม้

สำนักงานประกันสังคม เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะไม่รักษาคนไข้ถูกไฟไหม้

วันที่ 11 ธ.ค. 2561 จากกรณีชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ประกาศเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพื่อช่วยผู้บาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ และเกิดระเบิดในโรงงานผลิตเครื่องสำอางย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยมีการระบุว่าไม่มีโรงพยาบาลใดรับรักษาผู้บาดเจ็บรายนี้ ทั้งที่เป็นผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันสังคมในโรงพยาบาลดังกล่าว พร้อมจะนำเรื่องเข้าร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ขณะที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ชี้แจงว่า เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีบาดแผลไหม้ในระดับ 3 มากถึงร้อยละ 95 ซึ่งถือว่าเป็นบาดแผลไหม้ในระดับสูงสุดจึงยากเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลที่ทำการรักษาได้นั้น

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานประกันสังคม (สบส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในความรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ได้เข้าตรวจสอบแล้ว ซึ่งสปส.เองก็จะต้องรอผลการสอบว่าจะออกมาอย่างไร หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของสิทธิผู้ประกันตน จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาว่าจะกำหนดให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะอยู่ในเครือของ สปส.ต่อหรือไม่

ส่วนของการเข้าไปช่วยเหลือในส่วนของกองทุนเงินทดแทน โดยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้บาดเจ็บ ซึ่งเกิดขึ้นขณะปฏิบัติหน้าที่จึงเข้าข่ายในคุณสมบัติกองทุนเงินทดแทน โดยกองทุนฯจะจ่ายให้จำนวน 2 ล้านบาท ในกรณีที่เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลของรัฐ และจ่ายให้ 1 ล้านบาทในกรณีที่เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลเอกชน ในส่วนค่ารักษาส่วนต่างนั้น จะเป็นหน้าที่ของผู้บาดเจ็บ ที่จะต้องเรียกร้องไปยังนายจ้างให้เป็นผู้จ่าย

ทั้งนี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านทางแฟนเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่า เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณชน ได้โปรดแชร์เพื่อทราบโดยทั่วกันด้วยครับว่า กรณีผู้บาดเจ็บจากโรงงานสารเคมีระเบิดจนเกิดบาดแผลไหม้ เป็นผู้ประกันตนสิทธิประกันสังคมกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ

ผู้บาดเจ็บรายนี้ได้ประสบเหตุจากการทำงานในโรงงานสารเคมีที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น และมีการส่งตัวเข้ารักษาเบื้องต้นใน รพ.ย่านใกล้เคียงที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีบาดแผลไหม้จากสารเคมีซึ่งเป็นการไหม้ในระดับ 3 [Third degree burn] มากถึง 95% ซึ่งถือว่าเป็นบาดแผลไหม้ในระดับสูงสุด รพ.แรกรับจึงจำเป็นต้องหา รพ.ส่งต่อที่มีขีดความสามารถในการรักษาบาดแผลไหม้ในระดับสูงสุด ซึ่ง รพ.ที่มีขีดความสามารถในระดับนี้ จะมีก็แต่ รพ.ที่เป็นคณะแพทยศาสตร์ [University Hospital] หรือ รพ.ในระดับตติยภูมิขั้นสูง [Super-Tertiary Hospital] ในสังกัดของหน่วยงานรัฐเท่านั้น

การรักษาผู้บาดเจ็บรายนี้ไม่ว่าจะโดย รพ.รัฐหรือ รพ.เอกชนก็ตาม สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เต็มจำนวน จากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม การที่ รพ.มงกุฎวัฒนะไม่รับการส่งตัวผู้บาดเจ็บรายนี้ หาได้เกิดจากปัญหาค่าใช้จ่ายหรือการขาดจิตสำนึก แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะผู้บาดเจ็บเป็นกรณีไหม้ในระดับ 3 [Third degree burn] มากถึง 95% ซึ่งถือว่าเป็นบาดแผลไหม้ ในระดับสูงสุด จึงยากเกินขีดความสามารถของ รพ.มงกุฎวัฒนะที่จะทำการรักษาได้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ