ไม่เห็นด้วยนายกฯ ไม่เป็น ส.ส.แต่สำคัญกว่าคือต้านสืบทอดอำนาจ

อนาคตใหม่แถลงจุดยืนยังยึดหลักการ “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.” เพราะเป็นมรดกที่มาจากการต่อสู้ของประชาชน แต่สำคัญที่สุดคือ 3 ข้อที่เป็นหลักของพรรค หยุดยังสืบทอดอำนาจ-แก้รัฐธรรมนูญ-ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ระบุหากเกิดรัฐบาลแห่งชาติพร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน 

วันที่ 8 ก.พ. เวลา 17.30 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อ่านแถลงการณ์พรรคอนาคตใหม่ เรื่อง การเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐและพรรคไทยรักษาชาติ

ใจความสำคัญระบุ ข้อเรียกร้อง ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เพราะยังคงมีอำนาจเต็มในระหว่างการเลือกตั้ง และเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งจะมาลงคะแนนให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งด้วยเป็นกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน

ส่วนพรรคอนาคตใหม่เองยังยืนยันชื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วย และยืนยัน ข้อเสนอทางการเมือง 3 ข้อ ได้แก่ (1) หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. (2) แก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ทั้งฉบับ และ (3) ลบล้างผลพวงรัฐประหาร

ขณะเดียวกันพรรคยังคงยืนหยัดกับหลักการประชาธิปไตยจะต้องยึดถือหลักการ “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.” เพราะเป็นมรดกที่มาจากการต่อสู้ของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 นอกจากนั้น ยังเรียกร้องในการเลือกตั้งต้องแข่งขันกันอย่างเสมอภาค เท่าเทียม โดยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคขัดขวางในทางกฎหมายและในทางประเพณีค่านิยม

ในแถลงการณ์ยังระบุว่า หากหลังการเลือกตั้งเกิดการจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ที่รวบรวมทุกพรรคการเมืองเข้าด้วยกัน พรรคอนาคตใหม่พร้อมเป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาจำเป็นต้องมีฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลด้วย

ในช่วงการซักถามของสื่อมวลชน มีการถามจุดยืนของพรรคว่า หากไม่เห็นด้วยกับกรณีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็น ส.ส. หากนายกรัฐมนตรีจากพรรคไทยรักษาชาติหรือพรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำจะตัดสินใจอย่างไร นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคจะยึดจาก ข้อเสนอทางการเมือง 3 ข้อ ที่กล่าวไว้ คือ (1) หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. (2) แก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ทั้งฉบับ และ (3) ลบล้างผลพวงรัฐประหาร

นายธนาธร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่เชื่อว่า ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นจากการพูดคุยกันระหว่างกลุ่มชนชั้นนำเพียงอย่างเดียว ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่เสนอหลักการประชาธิปไตยต้องมีประชาชนและภาคประชาสังคมมาร่วมด้วย แล้วนี่คือสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการเห็น สำหรับตนเองแล้ว ไม่เคยพูดคุยกับแกนนำพรรคการเมืองใด ๆ แบบลับ ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณทักษิณ ชินวัตร คุณสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หรือคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ การจะพูดคุยหารือกันได้ต้องเกิดขึ้นหลังจากมีผลการเลือกตั้งออกมาแล้วเพื่อเคารพเสียงของประชาชน ส่วนตัวมั่นใจจะว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกจากประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยที่นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.

“ทุกพรรคการเมืองต้องมีการแข่งขัน รณรงค์เสรีและเป็นธรรม ไม่ควรมีพรรคไหนที่มีผลประโยชน์หรือมีสิทธิ มีอำนาจมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ และทุกคนที่มาทำงานการเมืองจะต้องถูกวิจารณ์ได้ สิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการเห็นก็คือ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย และเสมอหน้ากันต่อหน้าประชาชน” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าว