นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างนำคณะไปบึงกาฬ ชี้แจง มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ใช่แจกเงิน ระบุ “ปลดล็อก” ทางการเมืองแล้ว ต้องช่วยกันทำบ้านเมืองให้สงบ เตรียมพระราชพิธีสำคัญของประเทศ
วันที่ 12 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ร่วมเป็นนักจัดรายการวิทยุ สถานทีวิทยุ 99 จ.บึงกาฬ โดยกล่าวว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงคือเรื่องการประกอบอาชีพ วันนี้เราต้องมีการปรับตัวเองบ้าง โดยเฉพาะทางด้านการเกษตรทำอย่างไรเราจะลดต้นทุนได้ ใช้น้ำ ใช้พื้นที่ให้น้อยลง แต่มีประมาณการผลิตเพียงพอ และคำนึงถึงการตลาด เพราะถ้าปลูกอย่างที่อยากจะปลูก ราคาผลผลิตนับวันจะแย่ลง ต่ำลง
“วันนี้มีปัญหาเรื่องราคายางทั้งโลก ที่ประเทศไทยกำลังมีปัญหาคือ ยาง ปาล์ม และอ้อยก็ตามมาด้วย ถ้าเราปลูกมากเกินไป สินค้าที่เราผลิตออกมามากจนเราแข่งขันใครไม่ได้แล้วต้นทุนก็สูง สิ่งเหล่านี้พวกเราจะต้องช่วยกันทำ รัฐบาลก็ดูแลคนมีรายได้น้อย 3 หมื่นบาท ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปีไปก่อน
ต้องเห็นใจคนเหล่านี้ ไม่ได้สอนให้เขาไม่ประหยัด หรือเอาเงินมาแจกให้ คงไม่ใช่แบบนั้น เพราะเรามีมาตรการหลายมาตรการออกมา บรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้เป็นระยะสั้น แต่ระยะยาวจะมีการฝึกอบรม ให้ความรู้การค้าขายออนไลน์ ถ้าทุกคนคิดแต่ผลิตอย่างเดียว ไม่รู้เรื่องตลาดการค้าเลย นับวันเราจะยิ่งแข่งขันกับเขาได้น้อยลง ต้นทุนการผลิตก็จะสูงขึ้น
วันนี้รัฐบาลจะดูแลในเรื่องปุ๋ย ก็เดินหน้าอยู่ว่า จะทำอย่างไรให้ราคาปุ๋ยถูกลง ทำอย่างไรที่จะมีการทำปุ๋ยตัดดอก ปุ๋ยตัดดอก คือ ปุ๋ยที่เหมาะสมแต่ละพื้นที่กับสภาพของดิน สิ่งเหล่านี้เป็นวิวัฒนาการสมัยใหม่ที่ทุกคนต้องเรียนรู้ การใช้น้ำ การควบคุมอุณหภูมิ ลดการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องเดินหน้าเกษตรกรรม เปลี่ยนจากเกษตรแบบดั้งเดิมไปเป็นเกษตร ที่มีการควบคุมการใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงในระดับที่ปลอดภัยและเดินหน้าไปสู่การทำเกษตรอินทรีย์ แต่ไปทีเดียวอาจจะยังไม่ได้ บางพื้นที่อาจทำได้แล้ว บางพื้นที่ยังทำไม่ได้ แต่ผลผลิตราคาต่างกัน อาชีพอื่นเช่นกัน อยากให้สหกรณ์ โอทอปเจริญเติบโตก้าวหน้าด้วยตัวเอง รัฐบาลจะสนับสนุนเป็นกลุ่มๆ เป็นรายครอบครัวหรือรายกิจกรรมทำได้ยาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก ปัจจุบันมีคนไทยอยู่ในวงจรการเกษตร ราว 30 ล้านคน ซึ่งต้องทำให้มีความเชื่อมโยงกัน
“ผมเป็นห่วงเรื่องยาง บึงกาฬมียางพารามากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวัง ผลผลิตกับความต้องการของตลาด เนื่องจาก เราต้องนำยางพาราไปขายต่างประเทศกว่า 4 ล้านตัน ใช้ในประเทศ 1 ล้านตัน แต่ราคาตกทั่วประเทศขอให้พิจารณาปรับลดพื้นที่ปลูกลงบ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนท้ายว่า ปัจจุบันรายได้ในการนำมาดูแลประชาชนมีไม่มากนัก เนื่องจากไม่ได้มีการปรับขึ้นภาษี ขอให้ประชาชนแยกแยะ สิ่งสำคัญคือหลักคิดที่ถูกต้อง แม้แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่าไปสนใจเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ วันนี้เราต้องดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายที่มีอยู่ วันนี้รัฐบาลก็ปลดล็อก คสช.ก็ปลดล็อกไปให้หลายประการแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย ฝากดูแลเรื่องของงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มาในวันเวลาใด ซึ่งเราต้องทำให้บ้านเมืองเราสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวตอนหนึ่งกับประชาชนในการปลดล็อกทางการเมืองว่า หลังปลดล็อกเมื่อวาน (11 ธ.ค. 61) ก็เริ่มมีคนออกมาตั้งแถวและตั้งขบวนชุมนุมต่อต้านและด่ารัฐบาล ถามว่า ทำไปเพื่ออะไร และจะให้คนพวกนี้มาบริหารประเทศหรือ สุดแล้วแต่ประชาชน ตนไม่ว่าใครทั้งสิ้นทุกอย่างควรเป็นบทเรียน ไม่ใช่บทเรียนของรัฐบาลแต่เป็นบทเรียนขอประเทศชาติ จะทำอย่างไรไม่ให้คนที่ไม่ดี มาพูดจาให้ร้ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ผ่านมา ท่านอาจจะได้ประโยชน์ แต่รัฐบาลเสียประโยชน์ ต้องเก็บข้าวไว้ 4 ปี เน่าเสียและขาดทุนไปเท่าไหร่ ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ทั้งหมด
“ผมมาวันนี้ถ้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว ผมจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ เพราะผมบริหารประเทศ ถ้าเป็นนัการเมืองก็ดีใจ คนรักเยอะ ลุงตู่ ลุงตู่ แต่รู้ไหมว่า ผมเป็นทุกข์ แต่ผมยอมเป็นทุกข์ยอมตายตรงนี้ เพราะคิดว่า ทำไมเขาถึงมาหวังที่เรา เราจึงต้องทำความหวังให้เป็นความจริง จะหลอกลวงล่อลวงไม่ได้ แต่จะทำให้ดีขึ้น โดยทุกอย่างต้องทำทีละขั้นตอน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ขอให้การเมืองเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และให้ประชาชนฟังกันเอาเองว่า นโยบายของพรรคไหนเป็นอย่างไร
ขอบคุณภาพ Thaigov.