‘ไวรัสโรต้า’ รุนแรงน้อยกว่า ‘อหิวาตกโรค’ สธ.แนะนำวิธีป้องกัน

ประเด็นคือ – กรมควบคุมโรค แนะนำวิธีการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันไวรัสโรต้า หลังจากนางนุสบา ปุณณกัณต์ โพสภาพและข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า ป่วยเป็นโรคท้องร่วง จากไวรัสโรต้า ทำให้หลายคนตื่นตัวกับไวรัสชนิดนี้มากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำถึงวิธีการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันไวรัสโรต้า

วันที่ 10 ม.ค. 2561 นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ไวรัสโรต้าเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วง โดยจะมีอาการอาเจียน มีไข้ ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ และหลังนั้น จะมีอาการท้องเดิน หรือท้องร่วงอย่างรุนแรง ซึ่งกลุ่มเสี่ยงคือ เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ แต่โดยปกติแล้วสามารถหายเองได้

… ขออนุญาตแจ้งข่าวเรื่อง ขณะนี้โรคท้องเสียกำลังระบาดจาก เชื้อ Rotavirus (ไวรัสโรต้า) อาการท้องเสียถ่ายเหลวรุนแรงมาก หลายครั้ง มีอาเจียนร่วมด้วย รวมทั้งมีไข้และปวดท้อง เสียน้ำและเกลือแร่กว่าจะหายใช้เวลา5-10 วัน สัมผัสเชื้อได้ทั่วไปโดยที่เราไม่รู้ตัว อาจล้างมือไม่สะอาด ได้รับเชื้อโดยสัมผัสวัตถปนเปื้อนหรือบริโภคอาหาร&เครื่องดื่มที่ติดเชื้อ หมอบอกว่าไม่มียาแก้ท้องเสียตัวนี้ ต้องให้น้ำเกลือ อุจจาระถ่ายออกมาเรื่อยๆจนกว่ามันจะหยุดเอง ป้องกันโดยล้างมือให้สะอาดบ่อยๆนะคะ อันตรายมากๆค่ะ ติดต่อทางสัมผัส อาหารปนเปื้อน ไม่สะอาด ดูแลสุขภาพนะคะ นุสร่วงไปคนหนึ่งแล้ว ??

A post shared by nusbapunnakanta (@nusbapunnakanta) on Jan 7, 2018 at 8:02pm PST

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วิธีการสังเกตตัวเองจะป่วยด้วยไวรัสโรต้า คือ มีอาการซึม, หมดแรง, มือเท้าเย็น, อาเจียนมาก หรือถ่ายมากผิดปกติ, มีปัสสาวะสีเข้ม, ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเกิน 6 ชั่วโมง รวมทั้งมีอาการปากแห้ง และ ตาโหล ผู้ป่วยจะต้องรีบไปพบแพทย์ ห้ามซื้อยามารับประทานเอง

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำว่า วิธีป้องกันทำได้ง่ายๆ คือ ล้างมือบ่อยๆ หมั่นทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็ก และหลักเลี่ยงการพาเด็กไปในที่แออัด

สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจากฝนเป็นหนาว ทำให้ไวรัสเติบโตได้ดีและพบในผู้ใหญ่มากขึ้น นายแพทย์อัษฎางค์ ยืนยันว่า ไวรัสโรต้าไม่ใช่ไวรัวตัวใหม่ มีมานานแล้ว รุนแรงน้อยกว่าอหิวาตกโรค ท้องร่วงจากไวรัสโรต้าเกิดซ้ำได้เสมอ แต่เมื่อเกิดครั้งแรกแล้ว จะมีภูมิคุ้มกัน ทำให้การเกิดครั้งต่อๆไป อาการรุนแรงน้อยลง