หุ้นนอกปี 2025 UOBAM ยกให้ ‘ยุโรป-จีน’ ส่วนหุ้นไทยเป้าสิ้นปีอาจไปถึง 1,295 จุด

ในปี 2025 เป็นปีที่โลกการลงทุนต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากทั้งปัจจัยเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์  ทางบลจ.ยูโอบี ได้วิเคราะห์โอกาสในการลงทุนพร้อมกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการบริหารความเสี่ยงในสภาวะตลาดที่ผันผวน เพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนได้ดีขึ้น

โดย ‘วรรณจันทร์ อึ้งถาวร’ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายการลงทุน บลจ.ยูโอบี เล่าถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2024 และมุมมองการลงทุนปี 2025 ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2024 ที่ผ่านมาเติบโตที่ 3.20% และคาดการณ์จะว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ระดับ 3.00% ในปีนี้ (ที่มา : Bloomberg Analyst Consensus as of 11 February 2025) 

ส่วนทิศทางของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกเริ่มมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นจากการปรับขึ้นภาษีการค้าจากนโยบายของสหรัฐฯ แต่อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายๆ ภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงทำให้โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญนั้นมีค่อนข้างน้อย  

บลจ.ยูโอบี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงเติบโตต่อเนื่องได้ เงินเฟ้อจะอยู่ในระดับปานกลาง และมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นสภาวะที่ดีสำหรับการลงทุน การปรับขึ้นภาษีการค้าน่าจะเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการต่อรองมากกว่าจะเป็นการตั้งใจสร้างสงครามทางการค้า 

ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปี 2025 และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของหลายๆ ประเทศที่เป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก จะยังเป็นปัจจัยเสริมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

[ ลงทุนหุ้นต่างประเทศเน้นยุโรปและจีน ]

ปีนี้หุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ได้แย่และกำไรของบริษัทต่างๆ ก็ยังมีแนวโน้มเติบโต  จึงแนะนำให้กระจายการลงทุน โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้น และลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้  ส่วนประเทศที่น่าสนใจลงทุนปีนี้ คือ ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นจีน

โดย ‘ตลาดหุ้นยุโรป’ ทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% ซึ่งนับเป็นการหั่นดอกเบี้ยลงครั้งที่ 5 แล้ว นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567 เป็นต้นมา นอกจากการปรับลดดอกเบี้ย ยุโรปยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้เห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในหุ้นเยอรมัน และฝรั่งเศส มีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดูดีขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นยุโรปนับตั้งแต่ต้นปียังทำผลตอบแทนได้ดีมาก

ส่วน ‘ตลาดหุ้นจีน’ มองว่าได้รับแรงกดดันมานานเพราะกระตุ้นเศรษฐกิจไมค่อยขึ้น แต่จีนมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีอย่าง Deep Seek Technology  ที่ทำให้จีนกลับมาน่าสนใจ ส่งผลให้นักลงทุนมองบวกกับตลาดหุ้นจีนมากขึ้นท่ามกลางความเสี่ยงด้านภาษีการค้า โดยในช่วงต้นปีตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะ Hang Seng Tech  ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก

[ หุ้นไทยในปีนี้ให้เป้า 1,295 จุด ]

สำหรับเศรษฐกิจไทยประเมินว่า GDP ปี 2025 จะโตอยู่ที่ 2.6-2.8% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ โดยเหตุผลมาจากปัจจุบันไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ แต่ในอนาคตหากนโยบายทรัมป์ส่งผลกระทบมากขึ้นอาจมีการปรับลดประมาณการณ์ GDP ลงได้ ส่วนดอกเบี้ยมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะลดดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง  

บลจ.ยูโอบี ให้เป้าหมายดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,295 จุด กำไรต่อหุ้น 95 บาท/หุ้น โดยคาดว่าจะมี upside ที่ 1,386 จุด และ downside หากหลุด 1,000 จุด อาจปรับลงไปที่ 969 จุด แต่มองว่าปัจจุบัน downside น่าจะจำกัด Fund Flow น่าจะหยุดไหลออก

ส่วนหุ้นไทยที่แนะนำจะเป็นกลุ่มะนาคาร  กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มได้ประโยชน์จากการกระตุ้นการใช้จ่าย อสังหาริมทรัพย์เน้นกลุ่มคอนโดฯ เพราะจะได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตราการ LTV ที่จะเริ่มตั้งแต่ช่วง 1 พ.ค. 68 – 30 มิ.ย.69