นิด้าโพล เผยผลสำรวจประชาชน ส่วนใหญ่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ คนต่อไป ขณะที่ร้อยละ 53.94 ไม่เชื่อมั่นจะมีการเลือกตั้ง ก.พ. 62
วันที่ 22 ก.ค. 2561 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่ 3)” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 ก.ค. 61 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,257 หน่วยตัวอย่าง
เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้เข้ามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พบว่า ประชาชนร้อยละ 58.87 ระบุว่า พรรคการเมืองพรรคใหม่ๆ เพราะ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง มีคนใหม่ๆ นโยบายใหม่ๆ แนวคิดแนวทางการบริหารใหม่ๆ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เบื่อการบริหารงานของพรรคการเมืองพรรคเก่า, ขณะที่ร้อยละ 32.78 ระบุว่า พรรคการเมืองพรรคเก่า เพราะมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ เข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่องกว่าพรรคการเมืองพรรคใหม่ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบการทำงานของพรรคการเมืองพรรคเก่า และ ร้อยละ 8.35 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ด้านบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (10 อันดับแรก) พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 31.26 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 14.96 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 10.50 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 4 ร้อยละ 7.80 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย) อันดับ 5 ร้อยละ 7.48 ระบุว่าเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคอนาคตใหม่) อันดับ 6 ร้อยละ 6.28 ระบุว่าเป็น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 3.90 ระบุว่าเป็น นายชวน หลีกภัย (อดีตนายกรัฐมนตรี) อันดับ 8 ร้อยละ 2.55 ระบุว่าเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี) อันดับ 9 ร้อยละ 0.64 ระบุว่าเป็น นายวิษณุ เครืองาม (รองนายกรัฐมนตรี) และอันดับ 10 ร้อยละ 0.48 ระบุว่าเป็น นายไพบูลย์ นิติตะวัน (พรรคประชาชนปฏิรูป)
เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (5 อันดับแรก) พบว่าส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 31.19 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 21.88 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 3 ร้อยละ 16.47 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 4 ร้อยละ 9.63 ระบุว่าเป็น พรรคอนาคตใหม่ อันดับ 5 ร้อยละ 2.07 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย
สำหรับปัญหาที่อยากให้นายกคนต่อไปเข้ามาแก้ไขมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.39 ระบุว่า ปัญหาปากท้องและหนี้สินของประชาชน รองลงมา ร้อยละ 27.61 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ร้อยละ 12.17 ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ ผู้มีอิทธิพล ร้อยละ 8.12 ระบุว่า ปัญหาการควบคุมราคาสินค้า ร้อยละ 4.85 ระบุว่า ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม มิจฉาชีพ ร้อยละ 3.10 ระบุว่า ปัญหาด้านคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยในปัจจุบัน ร้อยละ 3.02 ระบุว่า ปัญหาการว่างงานและแรงงานนอกระบบ ร้อยละ 1.27 ระบุว่า ปัญหาด้านสุขภาพการรักษาพยาบาล และการคุ้มครองความเสี่ยงของผู้บริโภค ร้อยละ 1.91 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาด้านการคมนาคม การส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ปัญหาด้านการบังคับใช้กฎหมาย และระบบงานราชการ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ทุกข้อรวมกัน และร้อยละ 0.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
และเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้ง ภายในเดือน ก.พ. 62 โดยไม่มีการเลื่อนออกไปอีก พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.94 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่น เพราะ ยังไม่มีความพร้อม สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและเลื่อนการเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้งเลยทำให้ขาดความเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 38.82 ระบุว่า เชื่อมั่น เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นไปตามโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้ และเชื่อมั่นในความสามารถและความพร้อมของรัฐบาลและร้อยละ 7.24 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnew