กลุ่มนักศึกษาและภาคีนักกฎหมายฯ ยื่นฟ้องนายกฯ เรียกค่าเสียหาย 3.5 ล้าน ละเมิดเสรีภาพในการชุมนุม ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นักศึกษาและภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวกเพื่อเรียกค่าเสียหายจากเหตุการละเมิดเสรีภาพในการชุมนุมและการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อยืนยันว่า รัฐบาลต้องเคารพต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

วันที่ 27 พ.ย.2563 ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และกลุ่มนักศึกษา นำโดยน.ส.สุกรียา วรรณายุวัฒน์ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพวกรวม 7 คน เดินทางไปที่ศาลแพ่งรัชดา ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับพวกรวม 6 คน ฐานละเมิดพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และเรียกค่าเสียหาย คนละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 3.5 ล้านบาท

น.ส.สุกรียา เปิดเผยว่า มีนักศึกษาหลายคนถูกออกหมายเรียกและดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและอีกหลายข้อหา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูง การใช้แก๊สน้ำตา และได้รับผลกระทบจากการปิดการจราจร ระบบขนส่งรถสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส เอ็มอาร์ที

ด้านนายสุรชัย โตงาม ทนายความ กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในสถานการณ์ร้ายแรงไปแล้ว แต่ผู้เสียหายยังคงมีสิทธิ์ฟ้องร้องดำเนินคดีได้ เนื่องจากประกาศของรัฐบาลทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และประกาศดังกล่าวเป็นประกาศที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาและประชาชนถูกดำเนินคดีในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก ฉุกเฉิน อีกจำนวนมาก

“เมื่อมีประชาชน- นักศึกษา ได้รับความเสียหายย่อมมีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับรัฐบาล ดังนั้นการฟ้องร้องครั้งนี้ จึงมีนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้น 7 คน ที่ยื่นฟ้องนายกฯ และพวก โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การขอให้ศาลเพิกถอนประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรง ที่มีการประกาศระหว่างวันที่ 15 ถึง 22 ตุลาคม ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย และฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายรายละ 5แสน รวมทั้งหมด 3 ล้าน 5 แสนบาท จากการถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งขณะนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะรับฟ้องหรือไม่” ทนายความ กล่าว