SHARE

คัดลอกแล้ว

สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่ลผลกระทบไปทั่วโลก ไทยพบกลุ่มผู้ติดเชื้อจากงานปาร์ตี้ ล่าสุดแพทย์เตือนดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงในโรคติดเชื้อ ทำลายปอด ระบบทางเดินหายใจ หลังพบ11 คนติดจากการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน หนุนมาตรการปิดสถานบันเทิงผับบาร์ สนามมวย เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น

วันที่ 18 มี.ค.2563 ในเวทีเสวนา “เหล้า บุหรี่ กับความเสี่ยง โควิท-19” ที่จัดขึ้นวานนี้จัดโดย เครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) และศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทั้งนี้ภายในงานมีผู้เข้าร่วมประมาณ 40 คน ได้ปฏิบัติตามข้อแนะนำ ด้วยถูกการคัดกรองจากเครื่องวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากอนามัย และนั่งห่างกันมากกว่าหนึ่งเมตร

รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุเพิ่มความเสี่ยงในโรคติดเชื้อ อาทิ วัณโรคปอด ปอดบวม โรคติดเชื้อในปอด ส่วนเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในปอดได้เช่นกัน ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีโอกาสรับเชื้อง่ายกว่าคนปกติ เพราะเมื่อดื่มเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานฆ่าเชื้อโรคในร่างกายได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ติดเชื้อต่างๆได้ การตั้งวงดื่มเหล้ากับเพื่อนหรือเที่ยวในสถานบันเทิงยิ่งเสี่ยงหนัก หากมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มแค่หายใจ หรือหยิบจับภาชนะร่วมกันก็ติดเชื้อได้แล้ว เพราะนั่งในระยะใกล้ จากสถิติพบผู้ใหญ่ ติดไวรัสโควิด-19 ง่ายกว่าวัยอื่น ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจะเป็นกลุ่มคนสูงวัยและคนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

“หลายคนอาจสงสัยว่าทุกคนที่ดื่มเหล้าแก้วเดียวกันจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกคนหรือไม่นั้น อาจกล่าวได้ว่ามีสิทธิรับเชื้อกันทุกคน เพราะนักดื่มส่วนใหญ่มีกลไกในแง่ความเป็นอยู่ด้านสุขลักษณะหรือการดูแลตัวเองน้อย จึงมีโอกาสรับเชื้อมากขึ้น เชื้อไวรัสจะส่งผ่านแก้วที่ใช้ร่วมกัน เข้าสู่ทางเดินหายใจทางจมูกและปาก เพียงหายใจใกล้กันหรือนั่งใกล้กันก็สามารถติดเชื้อได้แล้วเพราะผู้ติดเชื้อจะมีอาการไอ และมีน้ำมูกเชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะและน้ำลายถ้าเกิดการไอ ละอองน้ำลายจะฟุ้งกระจายไปสู่ภาชนะของผู้อื่นส่งผลให้โต๊ะเดียวกันติดเชื้อ”รศ.พญ.รัศมน กล่าว ​

รศ.พญ.รัศมน กล่าวต่อว่า ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำต้องระมัดระวังตัวมากกว่าคนปกติ เพราะจากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ติดเหล้ามีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคติดเชื้อในปอดถึง 2.9 เท่า และยังพบอีกว่า เหล้าเป็นสาเหตุของอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มของผู้ติดเชื้อวัณโรค ปอดบวมถึง 13.5 % ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร ทั้งนี้เห็นด้วยกับการที่ภาครัฐกำลังออกมาตรการปิดสถานบันเทิง ถือเป็นมาตรการทั่วไปในการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็พบว่ามีสถานบันเทิงหลายแห่งก็ทยอยปิดกันไปบ้างแล้ว การงดสังสรรค์ จัดกิจกรรมที่มีผู้คนแออัด รวมถึงปิดสถานบันเทิง จะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ นอกจากนี้ยังถือเป็นจังหวะดีที่นักดื่มจะหันมาดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการปกป้องตนเอง ต้องพยายามเว้นระยะห่างกัน ไม่ใช้ภาชนะร่วมกัน ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายให้แข็งแรง การใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ จะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านเชื้อโรคนี้ได้​

​ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า การสูบบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิท-19 ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ 1.การสูบบุหรี่มวน และบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ปอดไม่แข็งแรง การสูบบุหรี่แม้เพียงมวนเดียว ก็ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพปอด และถ้าสูบเป็นระยะเวลานานสามารถนำไปสู่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) เสี่ยงติดเชื้อมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับรายงานจากวารสารการแพทย์จีน ระบุว่า ในผู้ป่วยที่มีอาการทรุดลงรวมถึงเสียชีวิตเป็นผู้สูบบุหรี่มากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ถึง14 เท่า ดังนั้น จึงมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายคนจากทั่วโลกกล่าวถึงการงดสูบบุหรี่เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น ศาสตราจารย์ คริสโตเฟอร์ วิตตี้ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของอังกฤษ ระบุว่า “เป็นช่วงเวลาที่จะเลิกบุหรี่ เพราะคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงมีความเสี่ยงต่อ โคโรน่าไวรัส” ตามรายงานจากสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ การเลิกสูบบุหรี่เพิ่มโอกาสมีสุขภาพที่ดีได้ภายใน 20 นาที หลังเลิกสูบบุหรี่หัวใจจะกลับสู่อัตราการเต้นปกติ การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ความดันโลหิตก็เริ่มลดลง และภายใน 72 ชั่วโมงเซลล์ที่แข็งแรงจะเริ่มแทนที่เซลล์ที่เสียหายในปอด และปอดก็จะกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง รวมถึงการเลิกบุหรี่ไฟฟ้าด้วย มีการทดลองในหนู พบว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำให้ลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มความไวในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ เอ และเสี่ยงต่อการเกิดปอดอักเสบซึ่งเกิดจากการสูบไอของบุหรี่ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า “อิวาลี่” (EVALI) ซึ่งขณะนี้ในสหรัฐฯมียอดผู้เสียชีวิต 68 ราย และปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนถึง 2,807 ราย (ข้อมูลวันที่18กุมภาพันธ์ 2563)

​“ประการที่สอง คือ การแบ่งกันเสพ บุหรี่มวนเดียวกัน หรือการใช้บุหรี่ไฟฟ้าร่วมกัน อาจจะส่งผลต่อการติดเชื้อโควิท-19 ได้จากทางน้ำลายหรือเสมหะ ดังจะเห็นได้จากที่มีข่าว คนไทย 11 คนติดเชื้อจากการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ร่วมกับชาวฮ่องกงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ดังนั้น ช่วงเวลานี้ จึงเป็นเวลาอันสมควรที่จะเลิกบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเสริมสร้างสุขภาพปอดให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการติดไวรัสโควิท19” ดร.วศิน กล่าว

องค์กรด้านเด็กและเยาวชน17องค์กร ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์และมีข้อเสนอต่อสถานการณ์ความเสี่ยงของโรคติดเชื้อไวรัสโควิท19 โดยมีจุดยืนและข้อเสนอ ดังนี้

  1. ขอให้เด็กและเยาวชนปฏิบัติตามข้อแนะนำ ของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด ไม่กระทำการใดๆที่เป็นอุปสรรคต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนร่วมเฝ้าระวังแจ้งเหตุบุคคลกลุ่มเสี่ยงหรือสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง
  2. ขอเรียกร้องต่อเพื่อนเยาวชน ให้หยุดพฤติกรรมการสังสรรค์ การรวมกลุ่มที่มีความเสี่ยง รวมถึงงดเข้าไปในพื้นที่ถูกระบุเป็นสถานที่ห้าม เช่น สถานบันเทิง ผับบาร์ สนามมวย ฯลฯ ตลอดจนขอให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ซึ่งจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเพิ่มความรุนแรงของโรค
  3. ขอให้เด็กและเยาวชนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ จากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้หลีกเลี่ยงการส่งต่อข้อมูลที่มีที่มาไม่ชัดเจน ไม่น่าเชื่อถือหรือข้อมูลที่อาจสร้างความสับสนเข้าใจผิด สร้างความเกลียดชัง ความตื่นกลัว(เฟคนิวส์)
  4. ขอให้รัฐบาล จัดหาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ แจกฟรีให้กับประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ หมวด3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 47 “….บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
  5. ขอเรียกร้องต่อผู้ประกอบการ บริษัทห้างร้านต่างๆ อาทิ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทุกแบรนด์ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อทั้งรายใหญ่และรายย่อย ได้ถือโอกาสแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการจัดเตรียมจุดล้างมือ สบู่ น้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ประชาชนได้ดูแลสุขอนามัย ล้างมือให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
  6. ​ขอให้รัฐบาล จัดหาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ แจกฟรีให้กับประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ หมวด3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 47“….บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
  7. ​ขอเรียกร้องต่อผู้ประกอบการ บริษัทห้างร้านต่างๆ อาทิ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทุกแบรนด์ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อทั้งรายใหญ่และรายย่อย ฯลฯ ได้ถือโอกาสแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการจัดเตรียมจุดล้างมือ สบู่ น้ำ เจลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ประชาชนได้ล้างมือให้เป็นกิจวัตรประจำวัน โดยเร็วๆนี้เครือข่ายจะประสานกับเพื่อนอาชีวะ เพื่อช่วยกันออกแบบอุโมงค์ล้างมือต้นแบบ เพื่อส่งต่อให้บริษัทต่างๆไปขยายผลต่อ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า